TQM ชี้เคลมประกันโควิดไม่กระทบธุรกิจ ลั่นผลงานปี 64 ออลไทม์ไฮ ดีเดย์ 13 ม.ค. เทรดพาร์ใหม่
TQM ลั่นผลงานปี 64 ออลไทม์ไฮ รับไตรมาส 4/64 ไฮซีซั่น ยอดเบี้ยประกันพุ่ง ได้อานิสงส์โควิด-19 ระบาด หนุนคนสนใจทำประกันเพิ่มมากขึ้น พร้อมแจงประกันโควิดไม่กระทบธุรกิจนายหน้าฯ ไม่ได้รับความเสี่ยงด้านการจ่ายค่าสินไหม กางแผนปี 65 ลุยต่อยอดธุรกิจนายหน้าประกันภัยครบวงจร ดีเดย์ 13 ม.ค. เทรดพาร์ใหม่ 0.50 บ.
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยว่า แนวโน้มพื้นฐานของ TQM ยังคงเติบโตได้ดี ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 กับการระบาดใหม่ของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน กลับยิ่งทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพ และมีส่วนผลักดันให้เปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ด้านยอดขายประกันรถยนต์ก็ยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากผู้บริโภคมองว่ายังเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น
ทั้งนี้ ปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในปัจจุบันเป็นเพียงสภาวะโดยรวมของกลุ่มธุรกิจประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ ในกรณีประกันโควิด-19 แบบเจอ จ่าย จบ แต่ในส่วนของธุรกิจ TQM นั้น ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากเป็นนายหน้าประกันภัยที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างลูกค้ากับบริษัทประกัน จึงไม่ได้รับความเสี่ยงด้านการจ่ายค่าสินไหม
อย่างไรก็ตาม TQM ยังคงมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากผลงานใน 3 ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาที่ทำได้ถึง 95% ของปี 2563 และสำหรับผลงานในไตรมาส 4 ที่เป็น High Season นั้น ยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3 มั่นใจผลประกอบการปี 2564 จะสามารถทำ All – Time High และคาดว่าจะปิดยอดเบี้ยประกันได้สูงถึง 17,500 ล้านบาท และยังทำ Net Profit Margin ไม่ต่ำกว่า 23%
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2565 นั้น TQM ยังคงมีแผนในการพัฒนาให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยจะมีการเข้าลงทุนในแต่ละธุรกิจอย่างมีนัยยะ โดยเฉพาะธุรกิจส่วนรับประกันภัยต่อที่จะส่งผลให้ TQM จับหมวดธุรกิจของนายหน้าประกันภัยได้ครบวงจรที่สุด ก้าวสู่การเป็น Digital Insurance Broker in Region ได้ตามเป้าหมาย
นอกจากนั้นตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2565 หลักทรัพย์ของบริษัทฯ จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ราคาพาร์ใหม่ หลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นอย่างเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นของบริษัทฯ ที่ตราไว้ (Par Value) จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ รวมถึงขยายฐานนักลงทุนในวงกว้างต่อไป