จับตา KKP ไตรมาส 4 ตั้งสำรองลด หนุนทั้งปีโกยกำไร 5.8 พันลบ.
จับตา KKP ไตรมาส 4/64 กวาดกำไร 1.5 พันลบ. เติบโตกว่า 30% หลังตั้งสำรองลดลง-รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม หนุนทั้งปีโกยกำไร 5.8 พันลบ. โบรกฯ ชูหุ้นปันผลโดดเด่น คาดปี 64 ยีลด์กว่า 5% พร้อมประเมินปี 65 แนวโน้มกำไรโตต่อ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP หลังมีการคาดการณ์ว่า KKP จะรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2564 และงวดปี 2564 ในช่วงวันที่ 19-20 ม.ค.2565 โดยแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 4/2564 และงวดปี 2565 จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการตั้งสำรองลดลง และมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมในปี 2565 นักวิเคราะห์ยังมองว่าจะมีกำไรเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากทิศทางของสินเชื่อที่ยังสามารถเติบโตได้
โดยบล.กสิกรไทย ระบในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KKP ราคาเป้าหมาย 78 บาท โดยทิศทางของเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวขึ้นหลังจากการคลายล็อกดาวน์ เป็นผลบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของสินเชื่อให้กับK KP โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจที่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดี ทำให้สินเชื่อของ KKP ในปี 2564 มีโอกาสทำได้ตามที่ธนาคารประเมินไว้ที่ขยายตัว 10% และมองแนวโน้มในปี 2565 หากไม่มีปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามากดดันเหมือนกับปีนี้คาดว่าสินเชื่อจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และจากกลยุทธ์ของ KKP ที่จะเน้นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น สินเชื่อไม่มีหลักประกัน เพื่อปรับพอร์ตสินเชื่อให้มีสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ทำให้มีความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น
ขณะที่ในปี 2565 คาดว่ากำไรของ KKP จะเติบโตขึ้นได้ราว 4-5% จากปี 2564 ที่คาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 5.12 พันล้านบาท อีกทั้งความน่าสนใจของ KKP เป็นเรื่องของความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของลูกหนี้ที่จะมีความกังวลลดลงไปค่อยข้างมาก จากการกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริหารจัดการของธนาคาร และแนวโน้มของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ยังแข็งแกร่งประกอบกับผลตอบแทนจากเงินปันผลตั้งแต่ปี 2565 ที่คาดว่าจะสูงกว่า 7% ต่อปี
ส่วนบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KKP ราคาเป้าหมาย 75 บาท โดยคาดกำไรไตรมาส 4/2564 ที่ 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จาก Credit cost ที่ลดลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น รายได้จาตลาดทุนปรับตัวสูงขึ้น คาดการตั้งสำรองจะลดต่ำลงในไตรมาส 4/2564 ถึง50% เมื่อเทียบจากปีก่อน และมีอัตราการจ่ายปันผลสูงคาดปันผลปี 2565 ที่ระดับ 5.6%
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KKP ราคาเป้าหมาย 72 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 1.36 พันล้านบาท หดตัว 7.7% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยหดตัวจากไตรมาสก่อน มาจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งรวมถึงรายได้เงินปันผลที่จะลดลงและแนซโน้มการขาดทุนรถยึดยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่วนการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากการลดลงของ ECL เนื่องจากฐานที่สูงในปี 2563ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยลดลงเล็กน้อย แต่ได้รายได้ค่าธรรมเนียมเข้ามาหนุน จากการเติบโตของธุรกิจตลาดทุน
ส่วนภาพรวมทั้งปี 2564 ประเมินกำไรสุทธิ 5.66 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% ได้รายได้ค่าธรรมเนียมโดยเฉพาะธุรกิจตลาดทุนหนุน ส่วนสินเชื่อคาดว่าจะขยายตัว 10% ผ่านสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตดีในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ต้องแลกมากับ Credit cost ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 170 bps
นอกจากนั้นคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 เท่ากับ 6.56 พันล้านบาท ขยายตัว 16% จากการลดค่าใช้จ่ายเป็นหลักโดย 1. OPEX/Rev มีแนวโน้มที่ลดลงต่ำกว่า 45% 2. Credit cost ที่ลดลงเหลือ 155 bps แม้ว่าเป้าสินเชื่อจะยังขยายตัวราว 7.5% ส่วนรายได้มองว่า NIM จะทรงตัวในกรอบ 4.4-4.5% ด้าน Non-NII หดตัวลงจากรายได้จากเงินปันผลที่เข้ามาน้อยลง
ทั้งนี้ KKP มีความโดดเด่นในแง่ของหุ้นปันผล หลังจ่าย interim ไปแล้ว 0.75 บาท/หุ้น เหลือปันผลงวด 2H64 คาดว่าจะจ่ายอีก 2.50 บาท คิดเป็น Dividend yield ราว 4.2% ขณะที่แนวโน้มสินเชื่อ HP ยังมีศักยภาพในการเติบโตและภาวะเศรษฐกิจที่ก าลังฟื้นตัว ช่วยให้มี Demand ในสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกับพอร์ท high yield ส่งผลให้ NIM ยังทรงตัวในระดับสูงได้
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด KKP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2564 และงวดปี 2564 ในช่วงวันที่ 19-20 ม.ค. 2565 โดยคาดว่า KKP จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 1.53 พันล้านบาท เติบโต 38% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากสำรองลดลง และคาดเติบโต 3% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งคาดผลขาดทุนรถยึดลดลง
ส่วนปี 2565 มีแนวโน้มที่บล.โนมูระ พัฒนสิน จะปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นจาก 6.2 พันลบ (เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบจากปีก่อน) หลังร่วมประชุมนักวิเคราะห์ในช่วง 24-28 ม.ค.2565 หลังการประกาศงบทางการเงิน โดยคาดมี Upside จากสินเชื่อที่มีโอกาสเติบโตได้ดกีว่าคาด และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ได้แรงหนุนจากวานิชธนกิจ
ทั้งนี้เบื้องต้นประเมิน Upside ต่อประมาณการปี 2565 ราว 5-8% และมีราคาเป้าหมายส่วนเพิ่ม 3-5 บาท จากราคาเป้าหมายปี 2565 ปัจจุบันที่ 60 บาท ยังคงคำแนะนำ “Trading Buy” นอกจากนี้ คาดเงินปันผลปี 2564 ที่ 2.6 บาท (ครึ่งแรกปี 2564 จ่ายแล้ว 0.75 บาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.3%
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 69 บาท คาดแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเห็นกำไรเติบโตได้ค่อนข้างดีเกือบ 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงหนุนมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เข้ามามากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง และรายได้จากธุรกิจตลาดทุนที่สามารถทำผลงานให้กับ KKP ได้ดีอย่างมีนัยสำคัญ
รวมทั้งคาดว่า KKP จะมีกําไรปี 2564 อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมที่มาจากธุรกิจตลาดทุนเป็นหลัก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรในปี 2564 เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายรวมไปถึงการตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลกระทบจาก COVID-19 ก็ตาม
ขณะที่ในปี 2565 ยังคงประมาณการกําไร KKP ไว้ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบจากปี 2564 โดยคาดสินเชื่อน่าจะเติบโตต่อได้และสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นน่าจะทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงการตั้งสำรองลดลงได้ด้วย นอกจากกําไรที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ยังมองว่า KKP เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีปันผลเด่น
ทั้งนี้คาดว่า KKP จะมีการจ่าย 3.40 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ที่ 5.6% โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.75 บาท/หุ้น เหลือปันผลครึ่งปีหลังอีก 2.65 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ที่ 4.3% ส่วนปี 2565 คาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 4.30 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ที่ 7%