RWI เดินแผนลดต้นทุน-เพิ่มกำลังผลิต มั่นใจดันผลงานปี 65 โตแกร่ง

RWI เดินแผนลดต้นทุน-เพิ่มกำลังผลิตและขายอีกประมาณ 15% เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงตอบโจทย์ลูกค้า มั่นใจดันผลงานปี 65 โตแกร่ง


นายเชิดศักดิ์  กู้เกียรตินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RWI เปิดเผยถึงกลยุทธ์การแข่งขันแบบ Customer Centric และการบริหาร RWI ว่า การประเมินสถานะปัจจุบันจากผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการผลิตและการขาย 617.6 ล้านบาท ขยายตัว 47.7% จาก 418.0 ล้านบาท ในปี 2563 และมีรายได้จากกำไรการวัดมูลค่าการลงทุน และรายได้อื่นๆ 129.9 ล้านบาท ขยายตัว 140% จาก 54.1 ล้านบาท ในปี 2563 บริษัทมีกำไรรวมสุทธิ 166.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 464% จาก 29.4 ล้านบาท ในรอบเวลาเดียวกันของปี 2563 บริษัทมีกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท เทียบกับ 0.05 บาท ในปี 2563 และเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีอัตราส่วนกำไรสุทธิ 26.5% (4.92% ปี 2563) ROA เท่ากับ 16% (4.5% ปี 2563) ROE เท่ากับ 18.8% (3.9% ปี 2563) Net Asset Value เท่ากับ 1.56 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้สภาพการแข่งขัน เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงพอสมควรโดยมี ผู้ผลิตลวดเหล็กหลักประมาณ 10-15 ราย เป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากการขยายตัวของการก่อสร้าง มีลูกค้าธุรกิจ ประมาณ 300-400 ราย ประกอบด้วยผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตหลายประเภท บริษัทก่อสร้าง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพี้นฐาน ก่อสร้าง ขนาดใหญ่ และบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ

สำหรับกลยุทธ์การแข่งขันของ RWI ในปี 2565 ในธุรกิจที่มีแข่งขันสูง RWI จะเน้นการลดต้นทุนทางตรงต่อหน่วย และลดต้นทุนขายและบริหารต่อหน่วย โดยเพิ่มความเร็วและปริมาณผลผลิตต่อเวลา และเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงเน้นเพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการสินค้าวัตถุดิบให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ต้องมีการบริหารการจัดซื้อและจัดการระดับสต๊อกวัตถุดิบให้อยู่ในระดับต่ำและสินค้าพร้อมส่งและบริหารลูกหนี้ให้อยู่ในระดับเหมาะสมเพื่อการบริหารสภาวะเงินสดให้สูงขึ้น และลดภาระดอกเบี้ย ส่วนการบริหารการขายและราคาสินค้าต้องเข้าถึงลูกค้าที่ใช้สินค้าหลากหลายตามกำลังการผลิตที่มีอยู่เพื่อลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและเครื่องจักร

ขณะที่แนวโน้มธุรกิจลวดเหล็กในปี 2565  บริษัทได้มีแผนธุรกิจที่จะเพิ่มการผลิตและขายอีกประมาณ 15% เพิ่มขึ้นจากปี 2564 โดยมีแผนผลิตและขายเป้าหมายสูงกว่าในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา ส่วนกำไรก็วางเป้าเติบโตจากการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น คุณภาพสูงขึ้น และการขายที่เน้นครอบคลุมตลาดและจำนวนลูกค้าในทุกภาคมากขึ้น และมีเป้าหมายลดค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อตันและปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นตรงตามการขยายตลาด

Back to top button