SECURE ฉายแววโตเด่น ลุ้นรัฐบังคับใช้ PDPA กลางปี 65 หนุนดีมานด์ Cyber Security พุ่ง

SECURE คาดรายได้ปี 65 โต 15% ลุ้นรัฐฯบังคับใช้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกลางปีนี้ หนุนความต้องการ Cyber Security เพิ่มขึ้น แย้มซุ่มเจรจา M&A จ่อปิดดีล 1-2 ดีลในปีนี้


นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ผลงานปี 2565 ธุรกิจเติบโตขึ้นจากปี 64 จากความต้องการใช้ระบบ Cyber Security ขององค์กรภาคเอกชนและรัฐจะสูงขึ้น สนับสนุนจากการที่ภาครัฐจะเริ่มบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ในวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ระบบ Cyber security ที่จะช่วยป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล

โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าองค์กร (ENTERPRISE) ที่เป็นเอกชนประมาณ 55%, โอเปอเรเตอร์ 10%, ราชการ  30% และอื่นๆ 5% ดังนั้นรายได้หลักมาจากกลุ่มลูกค้าเอกชน รวมถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการลงทุนด้าน Cyber security เพราะต้องย้ายคนที่ทำงานออฟฟิศไปทำงานที่บ้าน จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตสูง

ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Cyber security ขั้นสูง ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบบปกติ โดยผลิตภัณฑ์ Cyber security ขั้นสูง 2 ประเภทที่บริษัทจะเน้นในปี 2565 ได้แก่ Data Security หรือระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผลิตภัณฑ์จะตอบโจทย์ความต้องการใช้ในปัจจุบันมาก

รวมถึง Cloud Security เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ระบบ Cloud ในประเทศขยายตัวสูงขึ้น โดยที่บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 64 จะยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% จากปีก่อน และยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาด (Market share) อันดับ 1 ในประเทศ

พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว “Any visit” แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่เปรียบเสมือนการยืนยันตัวตน ซึ่งจะเปลี่ยนจากวิธีการแลกบัตรเพื่อเข้าอาคารเป็นการแสกนผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งผู้ใช้จะต้องกรอกข้อมูลการได้รับวัคซีน ผลตรวจ ATK โดยจะมีการทดลองใช้ภายในบริษัทช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงปลายไตรมาส 1/2565 หรือประมาณเดือนเมษายน 2565

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งคาดว่าปี 2565 จะสามารถปิดได้ราว 1-2 ดีล โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากเงินที่ได้จากการระดมทุนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)

โดยก่อนหน้านี้ นายนักรบ เปิดเผยว่า การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมทางไซเบอร์ในช่วงการระบาดใหญ่ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งติดตามอย่างรวดเร็วเพื่อพัฒนากลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขาหมายความว่าพวกเขาต้องการแพลตฟอร์มคุณภาพเยี่ยม และคล่องตัวเป็นอย่างมากในการจัดการภัยคุกคาม ในปีพ.ศ. 2565 ด้วยการเป็นพันธมิตรใหม่กับ nForce Secure องค์กรของไทยจะติดอาวุธ DeCYFIR และ DeTCT เพื่อช่วยให้พวกเขามีการป้องกันที่ได้มาตรฐานระดับโลกซึ่งจำเป็นต่อการป้องกันอาชญากรไซเบอร์” Kumar Ritesh ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ CYFIRMA “nForce Secure มีความรู้อย่างลึกซึ้งในตลาดไทย เข้าใจความต้องการขององค์กรในประเทศไทย และเชี่ยวชาญด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทำให้เราเชื่อว่าการเป็นพันมิตรกับ nForce Secure จะกลายมาเป็นตัวเร่งความเร็วที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขยายตลาดของบริษัท

นอกจากนี้การที่บริษัทร่วมมือกับบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) หรือ HUMAN เป็นพันธมิตรกันเพื่อเสนอโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับทางด้านแผนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สำคัญมากสำหรับปี 2565 แน่นอน HUMAN มีลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลดังนั้นการปกป้องข้อมูลหรือแม้กระทั่งการยินยอมให้ใช้ข้อมูลของลูกค้าต่างๆ

อีกทั้ง SECURE ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท เดต้า ว้าว จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน Artificial Intelligences และระบบจัดการฐานข้อมูล เพื่อจัดตั้งบริษัท เอ็นเดต้าธอธ จำกัด โดย SECURE ถือหุ้น 55% บริษัทใหม่นี้ SECURE ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตนเองเพื่อนำเสนอลูกค้าในประเทศที่มีความต้องการ Software เพื่อรองรับพรบ. PDPA เนื่องจากแผนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำมาใช้ในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นก้าวที่ต้องจับตาเพราะเป็นการก้าวจาก Distributor มาสู่ Localize Vendor

นอกจากนี้บริษัทได้ขยายทีมตั้งศูนย์ TECHNICAL SUPPORT CENTER ที่จะเข้ามาเสริมงานด้านบริการให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่ใช้บริการระบบของบริษัท โดยตอนนี้ศูนย์มีความคืบหน้าประมาณ 75% คาดไตรมาส 1/2565 หรือราวเดือนกุมภาพันธ์จะเปิดอย่างเป็นทางการ

ส่วนแนวโน้มธุรกิจขณะนี้บริษัททั่วโลกยังมีปัญหาเหมือนกันก็คือ ชิปขาดตลาด (semiconductor shortage) ซึ่งมีปัญหาประมาณไตรมาส 2/2564 เพราะว่ามีปัญหากันระหว่างระหว่างสหรัฐกับจีนทำให้สถานการณ์ของ semiconductor shortage ที่เป็นปัจจัยหลักในการผลิตสินค้าแล้วผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีทุกรูปและกระทบธุรกิจบริษัทเช่นกัน

โดยโครงการต่างๆ ในไตรมาส 3/2564 เป็นช่วงที่ดีของบริษัทในทุกๆปี แต่ปีนี้เนื่องจาก semiconductor shortage ทำให้งานในมือ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ประมาณ 105 ล้านบาท ซึ่งมีโปรเจคอยู่แล้วงแต่ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้และไม่สามารถเข้าไปติดตั้งได้เกิดปัญหาเดียวกันหมดทุกที่

Back to top button