“โกลด์แมนแซคส์” มองเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้ สกัดเงินเฟ้อพุ่งเร็ว
นักเศรษฐศาสตร์ของ “โกลด์แมน แซคส์” คาดเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายเดวิด เมริเคิล นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
“เราคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นในเดือนมีนาคม, มิถุนายน, กันยายน และธันวาคม นอกจากนี้ เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะส่งสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินในการประชุมทุกครั้งในปีนี้ จนกว่าภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อจะเปลี่ยนแปลงไป” นายเมริเคิล เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ยังกล่าวด้วยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น และยังทำให้เกิดภาวะไร้สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้จะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525 ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย. 2553
โดยเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ว่า “ดิฉันคิดว่าเฟดอยู่ในสถานะที่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีที่โครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยุติลง”
ขณะที่ถ้อยแถลงของนางเบรนาร์ดถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ เนื่องจากคณะกรรมการเฟดได้ประกาศไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 โดยการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. 2565