GBS จัดธีม 4 กลุ่มหุ้นพื้นฐาน-เทรนด์เด่นปี 65 วางกรอบดัชนี 1,550-1,750 จุด
GBS วางกรอบดัชนีปีนี้ 1,550-1,750 จุด พร้อมชู 4 กลุ่มเด่นหุ้นพื้นฐาน–ผลการดำเนินงานปี 65 สดใส ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Reopening Play-สื่อสาร-โรงกลั่น-อุปกรณ์การแพทย์ แนะจับตาปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ-ตัวเลขเงินเฟ้อ-การประชุมเฟด-ทิศทางดอกเบี้ย
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางการลงทุนปี 2565 ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีโอกาสฟื้นตัวชัดเจนได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดการณ์ตัวเลข GDP ปีนี้ไว้ที่ระดับ 3.70% จากปีก่อนที่เติบโตเพียง 1.20% ภายใต้ปัจจัยเชิงบวกจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง อาทิ โครงการคนละครึ่งเฟส4 และช้อปดีมีคืน
อีกทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มว่าจะชะลอความรุนแรง และสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อประกอบกับการฉีดวัคซีนป้องกันซึ่งสามารถดำเนินการฉีดได้เพิ่มมากขึ้น และเริ่มมีการฉีดกระตุ้นภูมิในเข็มที่ 3 อย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศนั้น เชื่อว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ธนาคารกลางๆของแต่ละประเทศควบคุมได้อยู่ แม้ว่าทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทยอยลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนเดิมที่ได้มีการส่งสัญญาณในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนและสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นในระยะสั้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,550-1,750 จุด
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาในปีนี้ อาทิ การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 31 มกราคมนี้ และการประชุม กนง. ครั้งแรกของปี 2565 ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งคาดว่ายังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะขยับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% แต่มั่นใจว่าแบงก์ชาติสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 มกราคมนี้ คาดว่ายังคงเดินหน้าลดวงเงิน QE ต่อเนื่อง ยังคงต้องจับตาแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยังคงแผนเดิมที่ให้ไว้ก่อนนี้ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ประมาณ 3-4 ครั้ง หรือไม่
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น 4 กลุ่มเด่นปัจจัยพื้นฐานแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้มีทิศทางที่สดใส นำโดยหุ้นกลุ่ม Reopening Play ซึ่งเป็นกลุ่มได้ประโยชน์หากสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ERW, CENTEL และ AWC กลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN, CRC และ MBK รองลงมาเป็นหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ในปีนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวในเรื่องของการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE กับ DTAC มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงแนะนำ TRUE, DTAC, ADVANC และ INTUCH ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าเป็นสีสันไม่น้อยสำหรับปีนี้คือ หุ้นกลุ่มโรงกลั่น จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นในไตรมาส 4/2564 กว่า 200% สู่ระดับ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มนี้จะปรับตัวโดดเด่นได้เช่นกัน จึงแนะนำหุ้น SPRC และ TOP และสุดท้ายหุ้นกระแสหรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขายชุดตรวจ ATK ในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งแนะนำ SMD, WINMED และ TM
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ ว่าราคาทองคำยังคง Side Way Down โดยคาดการณ์ว่า FED อาจจะใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเร็วขึ้นเพื่อควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดในเดือนธันวาคม 2564 สูงสุดในรอบ 39 ปี ที่ 7% ซึ่งจะเป็นตัวเร่งที่สำคัญ คือ (1) อาจลดวงเงิน QE Tapering มากกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 15,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 30,000 ล้านดอลลาร์ และการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด Dot Plot ชี้กรรมการธนาคารกลางสหรัฐเห็นตรงกันถึง 9 คนที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 ราว 0.25-0.75%
อีกทั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่ล่าสุดถึงแม้การแพร่กระจายได้รวดเร็วแต่อาการผู้ป่วยไม่รุนแรง และการฉีดวัคซีนแบบ Vaccine Booster น่าจะมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันไวรัสดังกล่าว จึงมองกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำที่ 1,650-1,850 $/Oz