SC โบรกฯคาดกำไร Q4/64 แตะ 580 ลบ. ยอดโอนพุ่ง ลุ้นจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น
SC โบรกฯคาดกำไร Q4/64 แตะ 580 ลบ. ยอดโอนพุ่ง ลุ้นจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น และคงประมาณการกำไรปกติปี 65 ที่ 2.3 พันลบ. เริ่มโอนกรรมสทิธคิ์อนโดใหม่ 3 แห่ง แผนรุกเปิดโครงการแนวราบใหม่ต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 4.20 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงกรณี บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ว่า ประเมินกำไรปกติไตรมาส 4 ปี 2564 ทำระดับสูงสุดของปีที่ 580 ล้านบาท เร่งขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และ 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีแรงหนุนหลักจากยอดโอนคาดขยายตัวเด่นเป็น 5.85 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อน, และเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) จากการรับรู้ Backlog ที่ยกมาจากไตรมาส 3 ปี 2564 ราว 5.2 พันล้านบาท
รวมถึงการเน้นขายและโอนในช่วงท้ายปี โดยคาดแบ่งเป็นสัดส่วนแนวราบ 89% และคอนโด 11% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นขายอสังหาฯคาดที่ 28.4% ใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ปี 2563 แต่ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ 30.2% เนื่องจากการเร่งขายปิดคอนโด Beatniq ทั้งนี้ หากงบไตรมาส 4 ปี 2564 ตามคาด ทั้งปี 2564 จะสอดคล้องกับประมาณการกำไรปกติที่ 2.10 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) บนรายได้รวมทำได้สูงกว่าเป้าของบริษัทราว 3% อยู่ที่ 1.95 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่ทั้งกำไรและรายได้
ขณะเดียวกันคงมีมุมมองบวกต่อภาพรวมปี 2565 โดยเฉพาะในครึ่งหลังของปี 2565 หนุนจาก 1) การเริ่มโอนกรรมสทิธคิ์อนโดใหม่ 3 แห่ง ประกอบด้วยโครงการ SC 2 แห่ง เริ่มโอนไตรมาส 3 ปี 2565 อย่าง SCOPE Langsuan (มูลค่า 8.30 พันล้านบาท ยอดขาย 35%) และ SCOPE Promsri (มูลค่า 1 พันล้านบาท ยอดขาย 36%) รวมถึงคอนโด JV The Crest Park Residence (มูลค่า 3.10 พันล้านบาท ยอดขาย 15%) เริ่มโอนไตรมาส 4 ปี 2565
2) แผนรุกเปิด โครงการแนวราบใหม่ต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทท าระดับสูงสุดใหม่ (เทียบกับปี 2564 ที่เปิดตัวเพียง 5.60 พันล้านบาท) ยังเน้นกลุ่มลูกค้า High-End ราคาสินค้ามากกว่า 10 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งเราคาดจะสร้างยอดขายได้ดีต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่าปี 2565 ที่เศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว กลุ่มระดับบนที่ มีกำลังซื้อดีจะยังเป็นลูกค้าหลักในตลาดอสังหาฯ
3) ปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัว เศรษฐกิจ, สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ดีขึ้น หนุนกิจกรรมการขาย ราบรื่น รวมถึงรับอานิสงส์จากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ที่มีผลถึง 31 ธ.ค. 2565
ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 2.30 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) และรายได้รวมที่ 2.10 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ทำ All Time High
ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 4.20 บาท (อิงค่า PER 7.50 เท่า ) ยังมองว่า SC เป็น 1 ในผู้เล่นที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมจาก 1) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 โดดเด่น และเป็น 1 ใน 3 รายของกลุ่มฯที่เติบโตได้จากไตรมาสก่อนหน้า และจากงวดเดียวกันของปีก่อน เทียบกับผู้ประกอบการอีก 8 รายคาดลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2) รับเงินปันผลงวดปี 2564 เต็มปี ซึ่งมีเพียง SC และ AP ที่จ่ายปีละครั้ง คาดที่ 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 5.4% เทียบกับรายอื่นส่วนใหญ่จ่ายครึ่งหลังของปี 2564 ราว 3% 3) ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 8% ภายหลัง 2 สัปดาห์ที่ออกบทวิเคราะห์แนะนำ
อย่างไรก็ดี อ้างอิงสถิติย้อนหลัง 3 ปี (ไม่รวมปี 2563 ที่เป็น COVID-19 ระลอกแรก) พบว่าราคาหุ้น SC ปรับขึ้นในปี 2562 เพิ่มขึ้น 7% และปี 2564 เพิ่มขึ้น 23% ภายใน 3 เดือนก่อน วันสุดท้ายของวันที่ขึ้น XD ช่วงวันสุดท้ายของเดือนเม.ย.หรือวันแรกของเดือนพ.ค. ขณะที่ Valuation ปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับต่ำ ซื้อขายบนค่า PE ปี 2565 เพียง 6.8 เท่า และค่า PBV 0.70 เท่า เทียบกับกลุ่มฯที่ 8.8 เท่า และ 1.20 เท่า ตามลำดับ 4) มี Upside Risk ที่ต้อง ติดตามจากการแถลงแผนธุรกิจของปี 2565 ในเดือนก.พ.นี้ หากมีการเปิดโครงการ ใหม่มากกว่าคาด ทั้งนี้ บริษัทจะรายงานงบไตรมาส 4 ปี 2564 วันที่ 17 ก.พ. 2565