SCC ประกาศงบปี 64 วันนี้! ลุ้นโกยกำไร 4.7 หมื่นลบ. ปันผลสูง 4%

SCC ประกาศงบปี 64 วันนี้! ลุ้นโกยกำไร 4.7 หมื่นลบ. โต 39% รับรายได้จาก 3 ธุรกิจหลัก ซีเมนต์-ปิโตรเคมี-แพ็คเกจจิ้ง ฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่น หลังคลายล็อคดาวน์-โควิดเริ่มคลี่คลาย คาดปันผลสูง 5% จับตาปี 65 กำไรโตต่อ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะรายงานงบทางการเงินในวันที่ 26 ม.ค.2565 โดยนักวิเคราะห์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2564 และงวดปี 2564 จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น จากทุกธุรกิจมีรายได้เติบโตดีขึ้น ขณะที่ในปี 2565 ยังคงมีแนวโน้มกำไรจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด SCC จะประกาศผลประกอบการในวันที่ 26 ม.ค.2565 และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2564 จะฟื้นตัวมีกำไร 8,700 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากปีก่อน หากหักการตั้งสำรองในไตรมาส 3/2564 กำไรปกติไตรมาส 4/2564 จะชะลอตัวลง 3% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เด่น เมื่อเทียบกับที่คาดหวังก่อนหน้านี้ซึ่งประเมินกำไรประมาณ 1 หมื่นล้านาท เนื่องจากถูกกระทบจากต้นทุนที่ปรับขึ้น ในขณะที่ราคาขายมีระยะเวลาในการปรับขึ้น ปรับประมาณการลงเล็กน้อย 2% รวมปี 2564 กำไรจะอยู่ที่ 47,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ขณะที่แนวโน้มปี 2565 คาดจะดีขึ้นจากปี 2564 แต่การเติบโตจะไม่สูง โดยทั้งสามธุรกิจมีทิศทาบวก โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ครบวงจรจะเติบโตเด่น คาดปันผลกำไรครึ่งปีหลังอีก 8.5 บาท รวมปี 2564 เท่ากับ 17 บาทคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.4% คงแนะนำซื้อเป้าหมาย 520 บาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ คาด SCC จะรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 ในวันที่ 26 ม.ค.2565 คาดมีกำไรสุทธิราว 10,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบจกาไตรมาสก่อน หากตัดรายการพิเศษ stock gain ราว 749 ล้านบาทออก คาดกำไรปกติราว 9,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน จากทุกธุรกิจหนุน ธุรกิจซีเมนต์อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากปรับเพิ่มราคาขาย ธุรกิจเคมีเพิ่มเพราะปริมาณขาย จากไม่มีปิดซ่อมใหญ่และธุรกิจแพ็คเกจจิ้งโตจากปริมาณขาย

ส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตจากทุกธุรกิจ โดยเป็นการโตทั้งปริมาณขายและอัตรากำไร ซึ่งเพียงพอกลบส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ลดลง จากบริษัทร่วมด้านปิโตรเคมี (MMA และ Butadiene) อัตรากำไรลดลง ทั้งนี้หากกำไรปกติของไตรมาส 2/2564 เป็นไปตามคาด กำไรปกติปี 2564 จะมี upside เล็กน้อย (2%)

ทั้งนี้คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 494 บาท มองราคาหุ้นตอบรับความกังวลราคาถ่านหินที่ peak ในช่วงไตรมาส 4/2564 ไประดับหนึ่งแล้ว ในขณะที่มีปัจจัยบวกรออยู่อย่างแนวโน้มทุกธุรกิจฟื้นในปี 2565 และปันผลอยู่ในระดับที่ดีราว 5% รวมถึงปัจจัยบวกจากการ spin off ธุรกิจเคมี(unlock value) นอกจากนี้ยังมี upside จากการขยายกำลังการผลิตของ Chandra Asri Petrochemical (CAP2 ซึ่งจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการลงทุนภายในปี 2565) เบื้องต้นประเมินราว 6-12 บาท/หุ้น

บล.ทรีนี้ตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 475 บาท โดยเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดของผลประกอบการไปแล้วและด้วนสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่รุนแรงเท่าเดิมจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกและกลุ่มปิโตรเคมี ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 71% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เนื่องด้วยทั้งไตรมาส 4/2563 และไตรมาส 3/2564 มีผลขาดทุนด้อยค่าในธุรกิจซีเมนต์ 1,700-2,000 พันล้านบาท ถ้าไม่นับรวมรายการดังกล่าวกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้คาดธุรกิจปิโตรเคมี EBITDA ดีขึ้นเป็น 9.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จาก spread ที่ปรับดีขึ้นจากความต้องการในภูมิภาค ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะมี EBITDA ที่ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากธุรกิจปูนซีเมนต์ที่ฟื้นจากการ Lockdown รวมถึงการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” SCC ราคาเป้าหมาย 440 บาท โดยมองทิศทางไตรมาส 4/2564 ดีขึ้นจากธุรกิจเคมิคอลล์ฟื้นตัวจากไตรมาส 3/2564 หลังอุปสงส์ยังดี ความหวาดกลัวต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่มากและไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลต้าทำให้ราคาขายขยับขึ้นได้ โดยสัดส่วน HDPE และ PP อยู่ที่ 56% และ 44% โดยภาพรวม Spread HDPE-Naptha ยังหนุนภาพรวมได้ แม้ผลกำไรของบริษัทร่วมของธุรกิจเคมิคอลล์อ่อนลงตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์ แต่เชื่อว่ากำไรปกติธุรกิจเคมิคอลล์น่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ส่วนธุรกิจซีเมนต์/ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างค่อยๆ ฟื้นตัวจากไตรมาส 3/2564 โดยปริมาณขายฟื้นตัวเล็กน้อยเพราะกิจกรรมการก่อสร้างโครงการภาครัฐสะดุดไปช่วงพ.ย.2564 ขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้งน่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากการขายดีขึ้นหลังคลายล๊อคดาว์น และผลลบจากต้นทุนเริ่มคลายหลังการทยอยปรับราคา ดังนั้น ทางฝ่ายคาดกำไรไตรมาส 4/2564 ที่ 8.7 พันล้านบาท ดีขึ้นจาก 6.8 พันล้านบาท จากธุรกิจหลักทั้ง 3 ฟื้นตัวหมด และไม่มีผลลบรายจ่ายพิเศษ ขณะที่ภาพรวมกำไรปี 2564 น่าจะอยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%

Back to top button