COTTO ตั้งเป้ายอดขายปี 65 โต 5% วางงบ 400 ลบ. ขยายกำลังผลิต – ปรับปรุงช่องทางขาย

COTTO ปักธงยอดขายปี 65 เติบโต 5% รับขาขึ้นทุกแบรนด์สินค้า วางงบลงทุน 400 ลบ. ขยายกำลังการผลิต – ปรับปรุงโชว์รูมและช่องทางการขายรองรับการเติบโตในอนาคต


นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายปี 65 จะเติบโตได้ราว 5% จากปีก่อนทำได้ 11,194 ล้านบาท เป็นไปตามยอดขายของทุกกลุ่มสินค้าที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ คอตโต้ (COTTO) เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ที่คาดว่าจะมียอดขายเติบโตเป็นเท่าตัว จากปีก่อนทำได้ 50-60 ล้านบาท, สุขภัณฑ์ แบรนด์ โสสุโก้ (SOSUCO) ก็คาดหวังจะมียอดขายเติบโตแตะ 100 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 50 ล้านบาท เป็นต้น

โดยบริษัทคาดว่าการเติบโตในปีนี้จะทำได้ดีกว่าตลาดรวมกระเบื้องเซรามิก โดยมองว่าความต้องการใช้สินค้ากระเบื้องเซรามิกโดยรวมจะยังคงใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แม้เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะเติบโตและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป และส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบ ประกอบกับยังคงมีการรีโนเวทอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ ทำให้จะส่งผลดีต่อตลาดเซรามิก

ทั้งนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างในเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ รวมถึงปัญหาหนี้ภาครัฐบาลและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยสำคัญที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด  คือ ราคาพลังงาน ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอัตราเงินเฟ้อ เหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้

ด้านนายนำพล กล่าวว่า แม้จะมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงต่อเนื่อง แต่บริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ได้ โดยเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักร เพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการปรับสัดส่วนการขายสินค้าไปยังตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการปรับระดับการผลิตและการนำเข้าสินค้าให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการ

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงต่อความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันจากสถานการณ์โควิด-19 และส่วนหนึ่งจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการและมีความพยายามสร้างพื้นที่ใหม่ในบ้านเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของสมาชิกภายในบ้านภายใต้วิถี New Normal จึงเป็นที่มาของแนวคิดเรื่อง Dream Space พื้นที่ที่จะเติมพลังให้กับสมาชิกทุกคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกอุ่นใจปลอดภัย เรียบง่าย แต่ครบคุณค่า (HEALTH & COMFY) มีรูปแบบดีไซน์ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีสีสันเฉพาะตัว มีเอกลักษณ์ (MOOD LIFTING) ภายใต้การออกแบบที่เน้นความหลากหลายปรับเปลี่ยนได้ (CREATIVE LIVING) เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในแต่ละกิจกรรมมากที่สุด

นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจพลังงาน ภายใต้แบรนด์ SUSUNN ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดจำหน่าย ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25-30% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท

“ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งสร้างการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวผ่านกลยุทธ์หลักต่าง ๆ ทั้งการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าบริษัท ร่วมกับผู้แทนจำหน่าย ร้านค้า Modern trade และการขยายสาขาของธุรกิจร้านค้าปลีกกระเบื้องเซรามิก หรือ คลังเซรามิกในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง การเร่งพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน ขยายช่องทางการขายในรูปแบบใหม่ทั้งออฟไลน์ออนไลน์ และเพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ให้มากขึ้น ตลอดจนการขยายธุรกิจด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง และยกระดับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมหนองแคสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับ Eco-World Class ที่สำคัญ คือ มองหาโอกาสใหม่ เทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อเตรียมรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและคงความเป็นผู้นำในธุรกิจเซรามิก” นายนำพล กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนในปี 65 ไว้ที่ 400 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต เช่น ในกลุ่มสินค้าที่เป็นกระเบื้องไซต์ใหญ่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง และการปรับปรุงโชว์รูม หรือช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

Back to top button