“เฟด” ชี้ “เศรษฐกิจ-การจ้างงาน” ฟื้นตัวดีขึ้น! ระยะสั้นคงดอกเบี้ย 0.00-0.25%
“เฟด” ชี้ “เศรษฐกิจ-การจ้างงาน” ฟื้นตัวดีขึ้น! จับตาสถานการณ์โควิดต่อไป พร้อมคณะกรรมการได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และนับตั้งแต่เดือนก.พ. 65 จะเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอีกอย่างน้อย 2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนองอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 26 ม.ค. 2565 ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคส่วนเหล่านี้
ส่วนตัวเลขการจ้างงานปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาวะไร้สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ซึ่งเป็นผลมาจากโรคระบาด รวมทั้งการเปิดเศรษฐกิจนั้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมยังคงผ่อนคลาย ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนถึงมาตรการด้านนโยบายต่าง ๆ ที่สนับสนุนเศรษฐกิจ และการจัดสรรสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐ
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้านั้น ยังคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคณะกรรมการคาดว่าความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและภาวะติดขัดด้านอุปทานที่เริ่มบรรเทาลงนั้น จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน อีกทั้งช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจก็ยังคงเผชิญกับความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
โดยคณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และจากการที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% และตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง ทางคณะกรรมการจึงคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปรับขึ้นกรอบเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funs Rate) ขณะเดียวกันคณะกรรมการได้ตัดสินใจที่จะยังคงปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะส่งผลให้โครงการดังกล่าวยุติลงในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้นับตั้งแต่เดือนก.พ.นี้ คณะกรรมการจะเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอีกอย่างน้อย 2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) อย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน คณะกรรมการคาดว่าการซื้อและการถือครองสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้ตลาดต่าง ๆ ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น และช่วยสนับสนุนภาวะด้านการเงินให้เป็นไปในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยให้สินเชื่อไหลเวียนไปสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการจะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข ภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ
สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, มิเชล ดับเบิลยู โบวแมน, ลาเอล เบรนาร์ด, เจมส์ บุลลาร์ด, เอสเธอร์ แอล จอร์จ, แพทริค ฮาร์เกอร์, ลอเร็ตตา เจ เมสเตอร์ และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์