WICE ลั่นปี 65 ผลงานนิวไฮ 3 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้ 9 พันลบ. โต 20%
WICE เปิดแผนธุรกิจปี 65 ลุ้นทำนิวไฮ 3 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้ 9 พันลบ. โต 20% และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 7-8% พร้อมชูกลยุทธ์เพิ่มความสามารถการทำกำไร 4 กลุ่มธุรกิจหลัก
ดร.อารยา คงสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า เป้าหมายธุรกิจปี 2565 บริษัทฯ จะทำผลประกอบการนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 20% และ รักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 7-8% โดยมุ่งเน้นการทำกำไรในกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ การขนส่งทางทะเล (Sea Freight), การขนส่งทางอากาศ (Air Freight), การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) และ งานบริการด้านซัพพลายเชนโซลูชั่นส์ รวมถึงการเพิ่มปริมาณงานขนส่งและการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ในสาขาต่างประเทศที่ให้บริการจำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd., WICE Logistics (Malaysia) Sdn.Bhd. (สาขากัวลาลัมเปอร์, ยะโฮร์ บาห์รู และ ปีนัง), WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. (สาขาฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, กวางโจว, เซินเจิ้น และ หนิงโป)
“บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการที่ดีของบริษัทและการลงทุนขยายบริการ รวมถึงขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ อีกทั้งปัจจัยค่าระวางเรือที่คาดว่ายังคงอยู่ในระดับสูง และ อุตสาหกรรม โลจิสติกส์ยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณการขนส่งที่หนาแน่น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก อาทิ ประเทศจีน และ สหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลดีให้กับบริษัทที่มีสาขาและพันธมิตรการให้บริการในกลุ่มประเทศเหล่านี้” ดร.อารยา กล่าว
ด้านนายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ จะเน้นสร้างการเติบโตให้กับทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยกลุ่มการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) และ การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) บริษัทฯ มีแผนขยายปริมาณการขนส่งมากกว่า 10,000 TEU โดยเน้นการขนส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
ส่วนธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) บริษัทมีแผนเริ่มให้บริการการขนส่งทางรถไฟ (Road-Rail Service) โดยการเชื่อมต่อเส้นทางการขนส่งทางรถบรรทุกไปยังรถไฟ จากประเทศลาว – จีน เพื่อความรวดเร็วในการขนส่งให้กับลูกค้า และเพื่อลดการติดค้างของสินค้าหน้าด่านศุลกากร พร้อมทั้งเชื่อมเส้นทางโครงการ One Belt One Road จากจีนถึงตะวันออกกลางและทวีปยุโรป เพิ่มโอกาสการรับงานในอนาคต โดยบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้บริการดังกล่าวข้างต้น ในช่วงไตรมาส 1/2565 อีกทั้งมีการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ประกอบกับจุดแข็งด้านความพร้อมทั้งจำนวนรถขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้มีปริมาณงานจากลูกค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ยังมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2565
ขณะที่บริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด (บริษัทย่อย) ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนโซลูชั่นส์แบบครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีแผนเตรียมเปิดคลังสินค้าแห่งใหม่พื้นที่รวม 20,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยพื้นที่ ถนนบางนา-ตราด จ.กรุงเทพฯ และ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จากเดิมที่มีพื้นที่รวม 24,000 ตารางเมตร คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการและทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/65 เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณงานขนส่งสินค้าในกลุ่มลูกค้าธุรกิจการค้าปลีก (Retail), กลุ่มอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce), กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Home Appliances) ทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และบริษัทมีแผนขยายคลังสินค้าทั้งหมด 100,000 ตารางเมตร ภายในระยะเวลา 3 ปี (ปี 2565-2567)
ทั้งนี้บริษัทฯ มีการดำเนินงานร่วมกับโครงข่ายพันธมิตรกลุ่มบริษัทในต่างประเทศ เพื่อรองรับการย้ายฐานผลิตของจีน มุ่งเน้นการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนการลงทุนร่วมกับผู้ให้บริการขนส่งต่างประเทศ โดยเน้นกลุ่มประเทศในทวีปเอเชียที่มีการส่งออกสินค้าจำนวนมาก อาทิ เวียดนาม อินโดนิเซีย และ ฟิลิปปินส์ เพื่อเสริมศักยภาพการขนส่งประเภทสินค้าที่มีความหลากหลาย และ สร้างโครงข่ายพันธมิตรให้ความแข็งแกร่ง และก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ระดับเอเชีย
“บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และ สร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย โดยยึดแนวทางการดำเนินงานตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 ด้าน คือ การใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และ หลักธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ” นายชูเดช กล่าว
สำหรับสัดส่วนรายได้ปัจจุบัน ได้แก่ การขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 45%, การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) 24%, การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) 25% , และงานซัพพลายเชนโซลูชั่นส์ 6%