AP ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 4.7 หมื่นลบ. ลุยเปิด 65 โครงการใหม่ 7.8 หมื่นลบ.
AP ตั้งเป้าปี 65 ยอดขาย 5 หมื่นลบ. ดันรายได้รวมแตะ 4.7 หมื่นลบ. ลุยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ 65 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7.8 หมื่นลบ. มองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 65 มีโอกาสเติบโต
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 ที่ 5 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท
โดยในปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และมากที่สุดอุตสาหกรรม โดยจะเปิดตัวรวม 65 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 2.52 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 26 โครงการ มูลค่า 3.56 หมื่นล้านบาท คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4.2 พันล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี AP จะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม.และ ต่างจังหวัดมากกว่าถึง 182 โครงการ มูลค่ากว่า 1.49 แสนล้านบาท
“การเปิดตัวโครงการใหม่ในปริมาณที่มากขนาดนี้ ถ้าระบบหลังบ้านไม่พร้อมก็ยากที่จะเป็นจริงได้ ซึ่งตลอด 2 ปีของการเผชิญวิกฤตได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีม AP ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดโครงสร้างองค์กรภายในให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยคีย์สำคัญคือ การให้อำนาจการตัดสินใจแก่คนที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ และปีนี้เราพร้อมก้าวข้อจำกัดไปอีกขั้น ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า” นายวิทการ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ยังมองว่ามความท้าทายเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา จากการที่การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีการแพร่รบาดในประเทศ แต่มองว่าปัจจัยดังกล่าวสามารถควบคุมได้ และไม่มีการกลับมาล็อกดาวน์เหมือนในอดีตทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อได้
โดยที่มองว่าตลาดแนวราบยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการซื้อบ้านที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านแฝดที่บริษัทมองว่าในปี 2565 จะเก็นการเติบโตมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับคนที่มองหาบ้านที่ใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว แต่อยู่ในระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ตลาดคอนโดถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังคงต้องรอดูในปีหน้าว่าจะกลับมาเติบโตมากน้อยเพียงใด โดยเชื่อว่าปี 2565 จะเริ่มเห็นบางเซกเมนต์ของคอนโดมิเนียมที่ดีขึ้น อย่างโครงการระดับราคากลางถึงกลางล่าง และถ้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ การจราจรกลับมาติดขัดเหมือนเดิม น่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่จะมีคนเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้นอีกครั้ง
“บทเรียนที่เราเรียนรู้มาตลอด 2 ปีของการแพร่ระบาดโควิด วิธีการทุกอย่างที่เราเคยทำและเรียนรู้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วทั้งสิ้น เรายังคงต้องเผชิญอยู่กับความท้าทายใหม่ๆ โรคระบาดยังคงอยู่กับเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ คาดว่าครึ่งปีแรกของปี 2565 น่าจะยังคงไม่ต่างจากปีนี้ แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังปี 2565 ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง โลกรับมือกับโอมิครอนได้ดีขึ้น ยารักษาผลิตออกมาใช้งานได้จริง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ” นายวิทการ กล่าว