โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” RS เล็งกำไร Q4/64 ฟื้นตัว ชูปี 65 ดาวเด่น Popcoin-กัญชงเสริมแกร่ง
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” RS เล็งกำไร Q4/64 ฟื้นตัวชัด รับรายได้ธุรกิจ Commerce พร้อมเม็ดเงินโฆษณา ชูปี 65 ดาวเด่น Popcoin-กัญชงเสริมแกร่ง และยังวางแผนนำบริษัทร่วมทุนเข้าตลาด คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในปี 2565
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มโบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” หุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ประเมินว่ากำไรสุทธิผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป จากรายได้ธุรกิจ Commerce ฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และวางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับธุรกิจทีวีดิจิทัลจะได้รับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวเช่นกัน
ขณะที่ในปี 2565 ยังเข้าสู่ธุรกิจกัญชงแบบเต็มตัว ซึ่งถือเป็น New S-Curve ใหม่ และโดยเฉพาะการออกเหรียญ Popcoin ต่อยอดธุรกิจ Entertainmerce จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ RS อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกันนั้น RS ยังวางแผนนำบริษัทร่วมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในปี 2565
ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า จุดเด่นของ RS คือมีการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ดำเนินธุรกิจด้านเพลงหรือสื่อเพียงอย่างเดียว ล่าสุดยังได้ออกเหรียญ Popcoin เพื่อใช้ใน Popcoin Ecosystem โดยมียอดผู้ลงทะเบียนเป็น Popster กว่า 5 แสนราย จากแคมเปญ Popcoin Airdrop ที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ย.-ธ.ค.2564 และคาดว่าจะถึง 1 ล้านรายภายในเร็ว ๆ นี้ โดย Popcoin จะเริ่มเทรดใน Bitkub วันที่ 24 ม.ค.2565
โดย RS ตั้งเป้ารายได้จาก Popcoin ในปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 100-200 ล้านบาท จากการ Redeem เหรียญและค่าธรรมเนียมการเทรดใน Bitkub อิงราคาเหรียญเบื้องต้นอยู่ที่ 0.20 บาทที่ทาง RS ขายให้กับ Sponsor และอัตราการ Redeem อยู่ที่ 50% (ปี 2565 จะออกเหรียญทั้งหมด 2,500 ล้านเหรียญ โดย 65% จะขายให้ B2B, 35% จะแจก) ทั้งนี้บริษัทคาด Net Profit Margin ที่ 20% – 30%
นอกจากนี้ปัจจุบัน RS ขายเหรียญได้ทั้งหมดประมาณ 40% ของเหรียญที่ขายให้ B2B (หรือ 650 ล้านเหรียญ) นับว่าเป็นสัญญาณการตอบรับที่ดีจากตลาด B2B และคาดว่าจะเห็น Business Partner ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นหลังเหรียญเริ่มเทรดใน Bitkub
สำหรับรายได้จากธุรกิจเดิม ก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่รุนแรงเท่าปีก่อน ฝ่ายวิจัยจึงประเมินกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 ที่ 811 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจากการก้าวเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่อีกครั้งหนุนโดยการเติบโตของธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจกัญชงและ Popcoin และหากรายได้ Popcoin เป็นไปตามบริษัทคาด จะเป็น Upside ต่อประมาณการปี 2565 ของเราที่ 4-7% (อิง Net Profit Margin 20%)
ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมายหุ้น RS ไว้ที่ 24 บาท/หุ้น ณ ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 17.90 บาท/หุ้น ตรงนี้เลยมองว่าเป็นหุ้นที่น่าซื้อสะสม เพราะเรามีมุมมองเชิงบวกต่อตัวเลขของผลประกอบการที่ดี ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รุนแรง ส่งผลดีต่อธุรกิจเดิม ด้านธุรกิจใหม่ก็เห็นการตอบรับที่ดีจากตลาด ราคาหุ้นระดับนี้ถือว่ามีอัพไซด์ได้อยู่พอสมควร
สำหรับ บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า RS ได้เปิดตัว Partner สำหรับการนำเหรียญ Popcoin ไปสร้างประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ ได้แก่ Chase, Chayo Group, Asset Wise, IT City, Sabuy Technology, Indeem Group, รวมถึงบริษัทและแบรนด์สินค้าในเครือ RS อาทิ RS Mall, CAMU-C, Well-U, Lifemate, Vitanature+, ช่อง8, Coolism เป็นต้น
พร้อมด้วยเร็วๆ นี้จะมี Partner ที่สำคัญอย่าง TERO Entertainment รวมถึงศิลปิน แบมแบม Got7 ที่เข้ามามีส่วนร่วมครั้งนี้ และในอนาคต RS มีแผนที่จะ Utilize ศิลปินระดับโลกอย่าง แบมแบม Got7 ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เหรียญ อาทิ การจัด Fan Meeting , การทำ Exclusive Photo Set เป็นต้น
โดย Popcoin Token ที่สร้างขึ้นมา ดำเนินการผ่านบริษัท 4thApple ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสื่อโฆษณาออนไลน์ จะเข้ามาช่วยเสริม Digital Product ให้กับโมเดล Entertainmerce ของ RS คือ การนำธุรกิจ Commerce และ Entertainment เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ภายใต้ Concept “Join to Earn”
ฝ่ายวิจัยประเมินสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือ Popcoin ได้ 3 ด้านประกอบด้วย 1) “Popcoin Redemtion” ผู้ถือ Popcoin จะเรียกว่า “Popster” สามารถนำเหรียญไปแลกของรางวัลที่หายากหรือมีความน่าสนใจบน Platform Popcoin ได้
2) “Popcoin Staking Pool” ผู้ถือ Popcoin สามารถนำเหรียญไปฝากประจำบน Digital Platform ซึ่งเมื่อผู้บริโภคนำเหรียญมาแลกเป็นของรางวัลแล้ว RS จะหักเหรียญส่วนหนึ่งแล้วนำมา Stake และยังสามารถนำเหรียญมาลงทุนได้เช่นกัน
3) “Popcoin To Exchange” ผู้ถือเหรียญสามารถโอนถ่ายเหรียญไปยัง Exchange Platform (Bitkub) เพื่อทำการซื้อขายและเปลี่ยนเป็นเงินได้
นอกจากนี้คาดว่าการเกิดขึ้นของ Popcoin ครั้งนี้จะเปลี่ยน Concept จากเดิมที่แบรนด์ใช้งบการตลาด อาทิ การยิงแอดโฆษณาบน Facebook หรือ การโฆษณาบนป้าย Billboard มาเป็นการให้ Reward แก่ผู้บริโภค ส่งผลให้แบรนด์สามารถมี Direct Engagement กับผู้บริโภคโดยตรง และยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านงบการตลาดให้กับแบรนด์
ดังนั้นส่งผลให้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากำไรสุทธิของ RS ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กลับมา บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยหนุนรายได้ธุรกิจ Commerce ให้เติบโต น่าจะทำให้ RS กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง