BE8 ผนึกพันธมิตร คว้างาน “กทท.” ติดตั้งโซลูชั่นจัดการ “โลจิสติกส์ท่าเรือ” มูลค่า 440 ลบ.
BE8 จับมือพันธมิตร คว้างาน “กทท.” ติดตั้งโซลูชั่นจัดการโลจิสติกส์ท่าเรือแบบครบวงจรระดับโลก มูลค่า 440 ลบ. ระยะเวลา 3 ปี (2565-2567)
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเดิมในช่วงต้นปีชนะการประมูลงานโครงการของรัฐวิสาหกิจในโครงการพัฒนาระบบ Port Community System (PCS) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าโครงการราว 440 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี (2565-2567) โดยเป็นกิจการค้าร่วม (Consortium) ระหว่าง BE8 กับบริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ติดตั้งโซลูชั่นซอฟต์แวร์การบริหารจัดการโลจิสติกส์ท่าเรือแบบครบวงจรระดับโลก ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการข้อมูล (Big Data) ให้เป็นข้อมูลกลางระหว่างผู้ขนส่งสินค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบการขนส่งสินค้าทั้งหมดผ่านท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการขนส่งสินค้าทางเรือและโครงข่ายโลจิสติกส์ให้สามารถติดตามสถานะการขนส่งตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการ PCS ยังช่วยสนับสนุนเรื่องการนำข้อมูลไปใช้การวิเคราะห์และวางแผนการทำงานล่วงหน้า รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ (G2G) ภาคธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) และภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (B2B) พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ National Single Window (NSW) ในลักษณะของ e-Logistics Platform ที่เป็นมาตรฐานสากล และช่วยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีระบบการทำงานที่แตกต่างกันสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้อัตโนมัติแบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation) ซึ่งจะช่วยจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการดำเนินงานอย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน รวมทั้งกระบวนการต่างๆ ในการนำเข้าและส่งออก
“เราพร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร โดยนำซอฟต์แวร์การบริหารจัดการโลจิสติกส์ท่าเรือแบบครบวงจรระดับโลก จากการมีเครือข่ายพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งเฉพาะด้านพัฒนาฟีเจอร์ ที่เข้ามาช่วยยกระดับการขนส่ง และโลจิสติกส์ของไทยเทียบเท่ามาตรฐานสากลตามวิสัยทัศน์การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และพร้อมสนับสนุนการทำงานทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” นายอภิเษก กล่าว
โดยบริษัทฯ พร้อมนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการผลิต การขนส่ง การขาย และการบริการให้กับทุกภาคส่วนที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ในขณะที่หน่วยงานของภาครัฐก็ต้องเร่งทรานส์ฟอร์เมชั่นหรือเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเทคโนโลยี เพื่อเป็นแกนหลักผลักดันผลผลิตมวลรวมของประเทศให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
ทั้งนี้บริษัทฯ เดินหน้าตามโรดแมป 2565 รุกขยายธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจรแก่หน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างการเติบโตแข็งแกร่ง จากปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมทั้งผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง