ก.ล.ต.-ตลท. เปิดทาง SME-Startup ระดุมทุนผ่าน “LiVE Exchange” ไตรมาส 1/65
ก.ล.ต.-ตลท. เปิดทาง SME-Startup ระดุมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แพลตฟอร์ม "LiVE Exchange" คาดมีผลบังคับใช้ไตรมาส 1/65
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มุ่งส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของกิจการ SME/Startup ผ่านแพลตฟอร์ม “LiVE Exchange” โดยผู้ลงทุนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ รวมถึงสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง คาดว่าข้อบังคับและหลักเกณฑ์จะมีผลใช้บังคับภายในไตรมาส 1 ปี 2565
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการก.ล.ต. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้มีการออกหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนในตลาดทุนของกิจการที่อยู่ในชั้นกำลังพัฒนา เช่น วิสาหกิจขนาดกลาง (SME) หรือวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีลักษณะที่ผ่อนปรน และไม่เป็นภาระกับกิจการมากเกินไป เช่น ไม่ต้องยื่นคำขออนุญาต ไม่กำหนดให้มีที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2565 โดยเปิดช่องให้สามารถเสนอขายหุ้นต่อผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป (IPO) และสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองแห่งใหม่ที่เรียกว่า ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (trading platform)
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ ข้อบังคับ และประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ต่อเนื่องจากหลักเกณฑ์การเสนอขายหุ้นต่อผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. และเป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ โดยมีลักษณะผ่อนปรนหลักเกณฑ์ทั้งในเรื่องคุณสมบัติการเข้าจดทะเบียนและดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยเน้นหลักการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ลงทุน และอัตราค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะต่ำกว่ากรณีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ด้านหลักเกณฑ์ในการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างไปจาก mai และ SET โดยมีการเปิดให้ซื้อขายวันละหนึ่งรอบ และผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์การลงทุน มีประสบการณ์และมีสินทรัพย์สูงในระดับที่สามารถรับความเสี่ยงได้ สอดคล้องกับสภาวการณ์ซื้อขายหุ้นของ SME และ Startup ทั้งนี้ คาดว่าข้อบังคับและหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับภายในไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นต้นไป