PEACE เทรดสนั่น! ชูพื้นฐานแกร่ง 9 เดือนโกยกำไร 150 ลบ. โต 75%
จับตา PEACE เทรดสนั่น! ชูพื้นฐานแกร่ง โชว์งบ 9 เดือนกำไรโต 75% ทะลุ 150 ลบ. เดินหน้าระดมทุนนำเงินซื้อที่ดินรองรับแผนพัฒนาโครงการใหม่เต็มสูบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.พ.65) หลักทรัพย์บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เตรียมเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
โดย PEACE เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 84,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 20.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ บริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ด้วยราคาเสนอขาย 3.98 บาทต่อหุ้น มูลค่าเสนอขาย 334,320,000 บาท
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงิน บริษัทนำไปใช้เป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 จำนวน 314.02 ล้านบาท
โดย PEACE รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 86 ล้านบาท โดยมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 234.64 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.91% จากปีก่อน จากการเริ่มเปิดขาย บ้านโครงการใหม่ คือ โครงการ Cher งามวงศ์วาน – ประชาชื่น ซึ่งเริ่มเปิดขายในเดือนสิงหาคม 2563 และเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนกันยายน 2563 และโครงการ Cher สุขสวัสดิ์ – พุทธบูชา ซึ่งเริ่มเปิดขายในเดือนพฤศจิกายน 2563 และเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนมีนาคม 2564 ตามลำดับ
ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ต้อนรับ พีซแอนด์ลีฟวิ่ง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PEACE” ในวันนี้ (10 ก.พ.65)
โดย PEACE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อขาย ประเภท บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยบริษัทเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก ปัจจุบันดำเนินโครงการภายใต้แบรนด์ Cordiz, The Glamor และ Cher ซึ่งเป็นการแบ่งเพื่อนำเสนอโครงการให้สอดคล้องตามลักษณะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้ PEACE มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท และโครงการในอนาคต 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท
โดย PEACE มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 420 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 336 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 84 ล้านหุ้น โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 2-4 และ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.98 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 334.32 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,671.6 ล้านบาท
สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 8.47 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.47 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PEACE เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงรุกมากขึ้น เมื่อประกอบกับอัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยให้บริษัทมีโอกาสในการสร้างผลประกอบการให้เติบโต โดย PEACE มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตตามแผนงานที่วางไว้
โดย PEACE มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย และสำรองอื่น ๆ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ กำไรจากการดำเนินงาน แผนการลงทุนต่าง ๆ ในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มครอบครัวศิริโสภณา ถือหุ้น 42.45% 2) กลุ่มครอบครัวเตชะไกรศรี ถือหุ้น 4.83% และ 3) นายชุมพล พรประภา ถือหุ้น 4.56%