“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯชะลอตัว-งบบจ.แข็งแกร่ง
“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! ตามดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 300 จุด หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯอายุ 10 ปี ชะลอตัว รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนบวก ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกกว่า 300 จุดในวันพุธ (9 ก.พ.2565) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 2% โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,818.10 จุด เพิ่มขึ้น 238.23 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,050.59 จุด เพิ่มขึ้น 220.6 จุด หรือ +0.89% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,481.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด หรือ +0.06%
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ สู่ระดับ 1.925% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.229%
ทั้งนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ด้านทิม กริสคีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Ingalls & Snyder กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว ตลาดพันธบัตรเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ชะลอตัวลงเมื่อคืนนี้ ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเติบโต (Growth Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
นอกจากนี้นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525
อีกทั้งนักลงทุนในภูมิภาคยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ซึ่งจะประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการซึ่งมีกำหนดเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ อัตราว่างงานและดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนธ.ค. ของเกาหลีใต้ รวมถึงยอดขายรถ, ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนม.ค. ของจีน