“อนุทิน” เบรกเปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะ หลังติดเชื้อ “โควิด” รายวันพุ่งกว่า 1.5 หมื่นคน
“อนุทิน” เบรกกลับมาเปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะ หลังยอดติดเชื้อ “โควิด-19” รายวันพุ่งกว่า 1.5 หมื่นคน แนะเที่ยวเทศกาล “วาเลนไทน์-วันสงกรานต์” อย่างระมัดระวัง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ชุดใหญ่ว่า วันนี้คงจะเป็นการพิจารณารายงานว่า ที่ผ่านมามีการดำเนินการอย่างไร รวมถึงรายงานความพร้อมของระบบสาธารณสุขว่ายังรับมือสถานการณ์ได้ แม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักและเสียชีวิตยังเท่าเดิม การครองเตียงและการใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์ตลอด พบแต่เพียงจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันกลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนแพร่เชื้อเร็ว แต่โชคดีที่ไม่รุนแรง นอกจากนี้ ขณะนี้ประชาชนฉีดวัคซีนจำนวนมากแล้ว ทำให้มีภูมิต้านทานเพียงพอที่จะรับมือกับเชื้อโรค
“ขณะนี้ต้องประเมินสถานการณ์ด้วย ซึ่งวัคซีนที่เราใช้ฉีดตอนนี้เป็นวัคซีนฉุกเฉิน ไม่ใช่วัคซีนถาวรที่ใช้กับไข้หวัดทั่วไป จึงต้องติดตามตลอดเวลา คาดหวังว่าในโอกาสต่อไปเราจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ตอนนี้จึงต้องใช้ชีวิตตาม Covid Free Setting ทั้งนี้ เราลำบากใจที่จะพูดว่าผู้เสียชีวิตกว่า 90% เป็นกลุ่มเสี่ยงและไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งจากบันทึกพบว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิต มีโรคประจำตัวหนักอยู่ด้วย หากเป็นคนปกติทั่วไปและได้รับวัคซีนจะไม่เจอปัญหาแบบนี้” นายอนุทิน กล่าว
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 15,000 ราย/วัน นายอนุทิน กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ มีเพียงการห้ามเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนจะมีโอกาสได้กลับมาเปิดให้บริการหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราพยายามจะเปลี่ยนให้มาเป็นร้านอาหารแทน ขอให้รอผ่านช่วงนี้ไปก่อน เพราะชัดเจนว่าหากเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่านี้แน่นอน
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงจำนวนคลัสเตอร์ในต่างจังหวัดที่เพิ่มสูงขึ้นว่า จะต้องกำชับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้เข้าไปดูแล รวมทั้งให้ประชาชนยึดหลักข้อควรปฏิบัติ และคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อโควิดต่อไป ส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งเดินหน้าฉีดวัคซันเข็ม 3 ให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 20%
สำหรับศักยภาพเตียงที่รองรับผู้ป่วยนั้น แม้ว่า กทม.จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง แต่มีการบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง และในส่วนของผู้ป่วยสีเขียวยังมีเตียงว่างอยู่ ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.จะมีการปรับเกณฑ์การตรวจ Antigen Test Kit (ATK) รวมถึงผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่จะปรับมาตรการให้หย่อนลงมา โดยจะให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 7 วันเช่นเดียวกับในต่างจังหวัด
“ส่วนกิจกรรมทั้งวันวาเลนไทน์และวันสงกรานต์ที่จะเกิดขึ้น เป็นการรวมกลุ่มคนที่จะมาเจอกันเป็นจำนวนมาก ก็ขอให้ระมัดระวัง ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นขณะนี้ ก็ได้มีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่กังวลคือ ในส่วนผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนและผู้ที่ติดเชื้อ ที่แม้มีอัตราส่วนการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง แต่ก็อาจมีอัตราส่วนที่ติดเชื้อตามกันไป คือ ถ้ามีผู้ติดเชื้อเยอะ อัตราส่วนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตอาจเพิ่มสูงตาม แต่ถ้ามีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ก็จะทำให้ลดในเรื่องผู้เจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต” นายสาธิต กล่าว