คัด 5 หุ้น “โรงแรม” จ่อฟื้นตัว รับมาตรการรัฐ-เปิดประเทศ ดันปี 65 เทิร์นอะราวด์
คัด 5 หุ้น “โรงแรม” จ่อฟื้นเด่นปี 65 รับมาตรการรัฐ-เปิดประเทศ ดันผลงานพลิกกำไร ชู MINT สดใสสุด โบรกฯคาดปี 65 พลิกกำไร 2.1 พันลบ.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย อยู่ในจุดต่ำสุดมากว่า 2 ปีท่ามกลางจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แม้ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายการเปิดประเทศในรูปแบบต่างๆ แต่สถานการณ์โควิดที่ยังไม่คลี่คลายก็นำมาสู่การตั้งคำถามว่า การท่องเที่ยวไทยในปี 2565 จะมีโอกาสกลับมาได้ในรูปแบบใด
เนื่องด้วยการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยเพราะมักเป็นที่ประจักษ์ว่าก่อนหน้าเกิดโควิด-19 เป็นตัวขับเคลื่อนตัวเลข GDP ของไทยขยายตัวดีขึ้น กระทั้งล่าสุดรัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 65 จะขยายตัวได้ 4% ต่อปี หนึ่งตัวขับเคลื่อนยังคงมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกี่ยวข้อง
อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นวันแรกที่กลับมาใช้การลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เพิ่มรายได้แก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับในภาพรวมทั้งปี 2565 ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โควิด19 ที่ทั่วโลกสามาถบริหารจัดการได้ดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางจำนวน 160 ล้านคนครั้ง มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.3 -1.8 ล้านล้านบาท และหากสามารถเปิดด่านค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านได้ในไตรมาสแรกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 15 ล้านคน
ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นในปี 2565 ก็จะมีผลบวกต่อกลุ่มโรงแรมจะฟื้นตัวไปด้วยเช่นกัน “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงขอนำเสนอหุ้นในกลุ่มโรงแรมที่ทางนักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบในปี 2565 แนวโน้มจะฟื้นตัว และเติบโตสูงขึ้นจากปี 2564 ที่ผ่านมากระทบต่อผลการดำเนินงานด้วยภาคธุรกิจเจอเหตุการณ์โควิด-19 กดดัน
สำหรับหุ้นกลุ่มโรงแรมนักวิเคราะห์มองทิศทางผลการดำเนินงานปี 2565 ฟื้นตัว ได้แก่ CENTEL, ERW, MINT, SHR, และ VRANDA
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL พบว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ประมาณการว่า บริษัทฯ จะได้ประโยชน์จากการ Reopening ในประเทศ รวมถึงมาตรการต่างๆ (เราเที่ยวด้วยกัน/test&go) สูงเนื่องจาก Portfolio โรงแรมของ CENTEL มีสัดส่วนห้องที่ปัจจุบันเปิดให้ดำเนินการในไทยมากถึงราว 80% ขณะที่โรงแรมใน Maldives ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวรัสเซียและอินเดีย โดยยอดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ Maldives ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2564 อยู่ที่ 451,070 ราย ใกล้เคียงระดับปกติ Pre-Covid ในปี 2562 ที่ 451,197 ราย
ด้านธุรกิจ Food คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวตามการเปิดเมืองในไทยเช่นกันโดยแบรนด์ของบริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น KFC หรือ Mister Donut ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 2565 CENTEL มีโอกาสที่จะพลิกกลับมามีกําไรได้หลังจากที่ขาดทุนในปี 2563 และปี 2564 แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 40 บาท
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW พบว่า บล.ทีนีตี้ ประมาณการแนวโน้มปี 2565 ยังขาดทุนสุทธิ 943 ล้านบาทแต่เป็นการขาดทุนลดลง โดยคาดว่าการเดินทางระหว่างจังหวัดจะฟื้นตัวในช่วงเดือนก.พ. 2565 หลังมีการผ่อนคลายมาตรการและกลับมาใช้ระบบ Test and Go อีกครั้งสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ที่เริ่มต้นเดือนก.พ. 2565 ที่จะมาช่วยหนุนยอดจองห้องพัก
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดว่า ERW ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/2564 และกลุ่ม Hop Inn ในประเทศจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และสามารถเติบโตได้จากการเปิดโรงแรมใหม่ โดยในปี 2565 จะมีการเปิดให้บริการ Hop Inn เพิ่มอีก 9 แห่ง โดยที่ Hop Inn เป็นกลุ่มโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ต่ำกว่าโรงแรม Segment อื่นๆ
อย่างไรก็ดีคาดว่าในปี 2565 จะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งกลุ่มที่ 40-50% โดยในครึ่งปีแรก 2565 ยังคงต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท ซึ่งมองการฟื้นตัวในปี 2565 จากกลุ่ม Hop Inn ทั้งในประเทศและจากฟิลิปปินส์เป็นหลัก
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT พบว่า บล.เคทีบีเอสที ประมาณการกำไรปกติในปี 2565 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2564 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.40 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดว่าผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/2565 จะยังคงขาดทุนแต่ฟื้นตัวได้ดีขึ้นทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน แม้ว่าจะมีการระบาดของโอไมครอนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่ความรุนแรงไม่มากเพราะจำนวนผู้เสียชีวิตน้อย
โดยปัจจุบันที่ยุโรปไม่มีการล็อกดาวน์และสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ ทำให้คาดว่าธุรกิจโรงแรมของ MINT จะฟื้นตัวได้เร็วที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยวจากยุโรปที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าไทย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มเป็นขาขึ้น ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% ในช่วง 1 เดือนเมื่อเทียบกับ SET เพราะโอไมครอนรุนแรงน้อยกว่าที่คาด และคาดจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยุโรปผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยคาดว่าบริษัทฯจะกลับมามีกำไรในไตรมาส 3/2565 จากการเข้าสู่ช่วง High season ที่ยุโรป แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR พบว่า บล.เคทีบีเอสที ประมาณการผลการดำเนินงานที่จะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 81 ล้านบาท จากปี 2564 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.40 พันล้านบาท ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น ต่อเนื่องอีกจากมัลดีฟส์ที่เป็นช่วง High season ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เพราะมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ที่ UK ช่วงกลางเดือน ม.ค. 2565 จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยมองว่า SHR ควรเทรดที่ Premium กว่ากลุ่ม เพราะมีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศสูงที่สุดราว 90% และภาพรวมการท่องเที่ยวในต่างประเทศจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าไทย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท
บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA พบว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ประมาณการแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2564 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน หนุนจากนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักภายหลังจากภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ยังมีแรงกระตุ้นจากโครงการเราเที่ยด้วยกันเฟส 4 เพิ่มสิทธิ์อีก 2 ล้านห้อง สิ้นสุดโครงการ 30 เม.ย.2565 และขยายเวลาการใช้สิทธิ์ โครงการทัวร์เที่ยวไทยจากสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค.2565 เป็นวันที่ 30 เม.ย.2565
ส่วนการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะล่าช้าออกไปบ้าง เนื่องจากผลกระทบของการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2565 บริษัทฯ จะสามารถพลิกกลับมามีกําไรสุทธิได้ จากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น (โรงแรมในเครือ 6 แห่ง กทม., หัวหิน, ชะอำ, พัทยา, เชียงใหม่, สมุย) และรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มี Backlog ราว 510 ล้านบาท แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท