ACE จ่อประมูล “ไฟฟ้าชุมชน” เฟส 2 เดินหน้าสู่เป้า 1000 MW ปี 67

คุณธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง MCOT HD30 ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

ความพร้อมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเฟส 2 ปี 2565

โดยทาง ACE มีความพร้อมในการประมูลรอบนี้อย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเคยเปิดประมูลด้วยตัวเลขที่สูงถึงประมาณ 700 เมกะวัตต์ ซึ่งทาง ACE ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับตัวเลขดังกล่าวแล้ว แต่ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนตัวเลขลดลงมาเหลือ 150 เมกะวัตต์ ที่เป็นโครงการนำร่อง ในการประมูลเรื่องของโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น ทางการก็ต้องดูศักยภาพความพร้อมถึง 4 ด้านได้แก่ 1.เรื่องของที่ดิน 2.เรื่องของเชื้อเพลิง 3.เรื่องของเทคโนโลยี และ 4.เรื่องของการเงิน ซึ่ง ACE มีความพร้อมทั้งหมด

ทั้งนี้หากมีการเซ็นสัญญาการประมูลเกิดขึ้น ตามมาตรการของกระทรวงพลังงานและสัญญา จะกำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างรวมถึงการ COD ทั้งหมด 36 เดือน ซึ่งทาง ACE ไม่ได้มีความวิตกแต่อย่างใด เนื่องจากโครงการล่าสุดอย่าง โรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง ที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 10-11 เดือนเท่านั้น หรือจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ที่จังหวัดกระบี่ ก็ใช้ระยะเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความมีศักยภาพและความพร้อมของบริษัทได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นแล้วโครงการที่จะเซ็นล่าสุดนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างและ COD ช่วงต้นปีหน้า

ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565

ในระยะสั้นคือการเดินหน้าประมูลโครงการใหม่ๆ รวมไปถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเฟส 2 ปี 2565 นอกจานี้ยังต้องการขยายไปยังแหล่งชุมชน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและให้ความรู้แก่ชาวบ้านในการนำ “ขยะ” มาหมุนเวียนเป็นพลังงาน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต่อยอดไปสู่เป้าหมายในปี 2567 ที่ทางบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีกำลังการผลิตมากกว่า 1,000 MW

ราคาหุ้นของ ACE

การที่ราคาหุ้นบนกระดาน ACE มีการปรับตัวลดลงมาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท เพราะว่าในแง่ของปัจจัยพื้นฐานรวมไปถึงผลประกอบการ ทุกอย่างมีแนวโน้มที่ดี และที่สำคัญธุรกิจ ACE ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทคาดว่ายังมีผลงานที่เติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมีการ COD โรงไฟฟ้าคลองขลุง ซึ่งจะเข้ามาหนุนผลงานในปีนี้ด้วย หลังจาก 9 เดือนที่ผ่านมาทำรายได้แล้ว 4,177.04 ล้านบาท จากปีก่อนทั้งปีมีรายได้อยู่ที่ 6,038.96 ล้านบาท และด้วยปัจจัยดังกล่าว ทางบริษัทเชื่อว่าสักวันราคาก็จะกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น