PF ควง GRAND เปิดกลยุทธ์ปี 65 ตั้งเป้ารายได้ 2.8 หมื่นล. เล็งเปิด 15 โครงการ 2.62 หมื่นล.
PF-GRAND แถลงแผนธุรกิจปี 65 เดินหน้าสร้างฐานะการเงินแกร่ง ตั้งเป้ารายได้แตะ 2.8 หมื่นลบ. เล็งเปิด 15 โครงการใหม่ 2.62 หมื่นลบ. พร้อมรีเฟรชแบรนด์บ้านเดี่ยวเพิ่มแนวทางรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF แถลงถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 ว่า กลุ่มบริษัทยังเดินหน้าสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้มีการเติบโต มั่นใจว่าปีนี้ธุรกิจของกลุ่มบริษัททั้งอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมจะกลับมาฟื้นตัวและเติบโต
โดยประมาณการรายได้รวมปีนี้อยู่ที่ 28,300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 12,000 ล้านบาท แกรนด์ แอสเสทฯ 2,800 ล้านบาท รายได้จากการขายที่ดินและสิทธิการเช่า ขายการลงทุนในโรงแรมและจัดตั้งกองทรัสต์ 8,500 ล้านบาท และรายได้จากโครงการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 5,000 ล้านบาท
“ปีนี้กลุ่มบริษัทจะเน้นการจัดการโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายที่จะลดภาระหนี้ลงอีก หลังจากที่สามารถลดระดับหนี้สินสุทธิต่อทุนมาอย่างต่อเนื่อง จาก 2.1 ในปี 2563 เหลือ 1.7 ในปี 2564 และตั้งเป้าให้อยู่ที่ 1.2 ในปีนี้ สำหรับรายได้ของปีนี้จะเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา กลยุทธ์สำคัญคือการเติบโตของรายได้จากการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับพันธมิตรจากต่างประเทศทั้ง 3 ราย ได้แก่ ฮ่องกงแลนด์, ซูมิโตโม ฟอร์เรสทรี และ เซกิซุย เคมิคอล ซึ่งคาดว่าปีนี้จะทำรายได้รวมถึง 5,000 ล้านบาท และยังมีการร่วมทุนในธุรกิจถุงมือยาง ที่จะสร้างรายได้อีก 2,152 ล้านบาท บวกกับการขายที่ดินและจัดตั้งกองทรัสต์ จะทำให้กลุ่มบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น” นายศานิต กล่าว
ส่วนแผนธุรกิจ นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ PF เปิดเผยว่า ปีนี้กลุ่มบริษัทวางเป้าขาย 18,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 10,500 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมทั้งในประเทศและประเทศญี่ปุ่น 2,500 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 5,000 ล้านบาท ในส่วนของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ณ สิ้นปีที่ผ่านมา มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Presale Backlog) 2,126 ล้านบาท
สำหรับปีนี้จะมีการเปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,210 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 12,845 ล้านบาท บ้านแฝดและทาวน์โฮม 1,930 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 11,435 ล้านบาท
โดยโครงการเปิดใหม่ที่ถือเป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ “เลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ” ซึ่งร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์ มูลค่าโครงการ 6,275 ล้านบาท ด้วยคอนเซ็ปท์บ้านบนเนินติดทะเลสาบ พร้อมการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ จับเซ็กเมนต์ใหม่ในกลุ่มตลาดบน ในทำเลพหลโยธิน สุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ และ รัตนาธิเบศร์
นอกจากนี้ การเปิดให้บริการของรถไฟฟ้า 2 สายใหม่ คือ สายสีเหลืองและสีชมพู รวมถึงการขยายตัวของทำเลราชพฤกษ์ ที่จะมีห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ถึง 3 แห่ง ยังจะส่งผลบวกต่อโครงการของบริษัทที่มีอยู่ในทำเลดังกล่าวด้วย
พร้อมกันนี้ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังรีเฟรชแบรนด์บ้านเดี่ยวด้วยการปรับเปลี่ยนโลโก้ และพัฒนาโครงการให้รับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ผ่านแนวคิด “PERFECT” ใน 7 ด้าน ได้แก่ P–Partnership ร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาสินค้าให้โดดเด่นและแตกต่างในตลาดที่อยู่อาศัย E–Environment
โดยเป็นการตอกย้ำการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งปีนี้จะร่วมมือกับผู้ออกแบบสวนสวยติดอันดับโลก สร้างมิติใหม่ของพื้นที่สีเขียวในบ้านและในโครงการ R–Refinement การปรับเปลี่ยนภายในบ้านทุกแบรนด์ ให้มีพื้นที่และฟังก์ชั่นที่รองรับไลฟ์สไตล์ของทุกเจน F–Facility เดินหน้าสร้างคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์การใช้งาน และพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มากกว่า E–Energy ตอบรับเทรนด์ด้านพลังงานด้วยการติดตั้ง EV Charger ในบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม
รวมทั้ง Solar Rooftop ที่คลับเฮ้าส์ C–Community การสร้างชุมชนที่น่าอยู่ มีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับสมาชิกโครงการ มี Living Solutions ใหม่ พร้อมความร่วมมือกับ AIS ให้สมาชิกโครงการสามารถโอนคะแนนสะสมไปเป็น เอไอเอส พอยท์ เพื่อใช้สิทธิ์ได้หลากหลายยิ่งขึ้น และ T–Technology การนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยมีความร่วมมือเพิ่มเติมกับ AIS กับมาตรฐาน Fiber to the home เต็มรูปแบบด้วยไฟเบอร์ออพติคเชื่อมต่อไปยังทุกพื้นที่หลักของบ้าน และ AIS SuperWifi ความเร็วสูงสุด 2 Gbps ในคลับเฮ้าส์
ด้าน นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND เปิดเผยว่า ปีนี้ แกรนด์ แอสเสทฯ จะมีการฟื้นตัวและเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากมาตรการเปิดประเทศ ส่วนรายได้ปีนี้ จะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้าไว้ 5,500 ล้านบาท
โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,000 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 1,800 ล้านบาท และจากโครงการร่วมทุน 2,700 ล้านบาท รายได้หลักจะมาจาก “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” โครงการร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่แล้ว 2,017 ล้านบาท
สำหรับเป้าขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วางไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 400 ล้านบาท วิลล่าในจังหวัดระยอง 600 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนอีก 1,000 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม วางเป้ารายได้ที่ 1,800 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง คาดโรงแรมในกลุ่มบริษัทจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับสูงกว่า 50%
โดยตลาดชาวไทยท่องเที่ยวในประเทศ ยังคงมีความสำคัญอย่างมาก ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการเปิดประเทศ เนื่องจากหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยเริ่มมีมาตรการผ่อนปรนเรื่องการเดินทางมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โครงการ Test & Go ที่เปิดโอกาสให้นักเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว
ส่วนธุรกิจผลิตถุงมือยาง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 โดยติดตั้งเครื่องจักร 1 และ 2 พร้อมเดินเครื่องและบันทึกรายได้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 2,152 ล้านบาท บริษัทยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และกำลังทยอยติดตั้งสายการผลิตอื่นๆ ต่อไปให้ครบ ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้จากทั้ง 16 สายการผลิตภายในปีนี้