JMART ประเดิม “JayDee Group” 1 มี.ค.นี้ ตั้งเป้าโกยยอดขายปีนี้ 1.5 พันลบ.

JMART ตั้งเป้ายอดขายปี 65 ของ “JayDee Group” ที่ 1.5 พันล้านบาท และเติบโตแตะระดับ 6 พันล้านบาทในปี 67 พร้อมเปิดบริการวันแรก 1 มีนาคมนี้


นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประกาศเรื่องการตั้ง บริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด หรือ JayDee Group ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการดีลเลอร์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้จัดทำ Business Workshop ระหว่างวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อร่วมกันกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และทิศทางในด้านธุรกิจ ร่วมกันที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่

โดยในปี 2565 นี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,500 ล้านบาท และจะเติบโตไปที่ระดับ 6,000 ล้านบาท ในปี 2567 ด้วยการขยายจำนวนสาขาที่มากขึ้น จากปัจจุบัน 15 สาขา เป็น 250 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยทางกลุ่มบริษัทเจมาร์ท พร้อมสนับสนุนการเติบโต ต่อยอด Synergy ด้วยความพร้อมทางด้านสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อ ทั้ง KB J Capital และ ซิงเกอร์ประเทศไทย พร้อมด้วย การสนับสนุนในด้านการบริหารติดตามหนี้ของเจเอ็มที และมีเทคโนโลยีรองรับด้วยเจเวนเจอร์ส สร้างอิโคซิสเต็มส์การตลาดแบบ Online-to-Offline (O2O)

นอกจากนี้ในงานดังกล่าว ได้เชิญพันธมิตรทางการค้าโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ จากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิเช่น Samsung Huawei Oppo Vivo Asus และ Synex รวมถึง พันธมิตร Telco ของเจมาร์ท คือ AIS เพื่อร่วมมือกันขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนพาร์ทเนอร์ ที่จะนำเอาผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานทดแทน เพื่อเตรียมไลน์อัพผลิตภัณฑ์ทั้ง Solar Rooftop และ EV Charger จำหน่ายให้กับ JayDee Group ด้วย

ด้านนายยงยุทธ เตชะเศรษฐธนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันดีลเลอร์ทั้ง 8 ราย ที่เข้าร่วม Business Workshop ครั้งนี้ ถือเป็น Founder หรือผู้ก่อตั้งแรกของบริษัท JayDee Group ซึ่งมองถึงการเกิดขึ้นของ Disruption ในการทำธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยประโยชน์ที่ดีลเลอร์จะได้ในครั้งนี้ คือ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น การมีบริการสินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้าด้วยอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ และการตามเก็บหนี้ที่เป็นระบบมากขึ้น จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรของดีลเลอร์ดีขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ ตลาดที่ JayDee Group เน้นจะเป็นกลุ่มลูกค้าตามหัวเมืองในต่างจังหวัด ซึ่งจะยิ่งไปเสริมโมเดลธุรกิจของ SINGER ต่อยอดให้เติบโตไปพร้อมกัน ทั้งนี้สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ที่เล็งเห็นว่ามีศักยภาพด้านการขยายตลาด ทาง JayDee Group ก็จะพิจารณาการเปิดสาขาเองเช่นกัน ซึ่งบริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด ในฐานะแพลตฟอร์มธุรกิจแบบใหม่ในด้านค้าปลีกภายใต้กลุ่มเจมาร์ท มีโอกาสในการเติบโต จากธุรกิจเดิมของพันธมิตรร่วมทุน ที่มีฐานลูกค้าในพื้นที่ การนำเอาระบบ และเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้จะยิ่งสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจมากขึ้น ทั้งนี้ ภายใต้การร่วมทุนครั้งนี้ เจมาร์ท พร้อมจะเป็นพันธมิตรร่วมทุนด้วยสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 24.99

Back to top button