โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” IVL ชี้กำไร Q1/65 โตเด่น รับแรงหนุน M&A-รง.Cracker เดินเครื่องเต็มสูบ
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” IVL ชี้กำไร Q1/65 โตกว่า Q4/64 ตามฤดูกาล รับแรงหนุน M&A และการกลับมาเดินเครื่องของโรงงาน Cracker เต็มที่ และการปรับสัญญาราคาขายใหม่ ทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ซึ่งโบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 เติบโตดีกว่าไตรมาส 4/2564 ตามปัจจัยฤดูกาล และการกลับมาเดินเครื่องของโรงงาน Cracker เต็มที่ และการปรับสัญญาราคาขายใหม่ ทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะปิดดีลซื้อกิจการ Oxiteno ประเทศบราซิลได้ ซึ่งจะหนุนการรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2565 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
โดยบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 1/2565 อาจเห็นการปรับตัวขึ้นได้อีก จากงวดไตรมาส 4/2564 ได้ปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลสะสมสต๊อกไว้ใช้ในช่วง high season ไตรมาส 2 ของทุกปีอีกครั้ง และจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารพบว่า ปริมาณขายในไตมาส 1/2565 ได้ทำสัญญาขายไปแล้วด้วย spread ในระดับที่ดี นอกจากนี้คาดจะได้รับผลบวกจากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานอีเทนแครกเกอร์ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้น เดือน ธ.ค.2564 ทำให้ไม่น่าจะบันทึกขาดทุนจากการดำเนินงานเช่นที่เกิดขึ้นทุกไตรมาส ของปี 2564 อีกแล้ว ทำให้ภาพรวมกำไรงวดไตรมาส 1/2565 น่าจะยังสดใส
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2565-2566 ขึ้นสะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐาน Spread ผลิตภัณฑ์กลุ่ม PET, PTA และ HVA (High Value Added) ฝั่ง West (อเมริกา และยุโรป) เนื่องจากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหารว่าทาง IVL ได้ล็อคสัญญาขายผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 70% ของปริมาณขายฝั่ง West (หรือราวกว่า 50% ของปริมาณขายรวมของ IVL ในปี 2565) ที่ spread สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นในปี 2564 ซึ่งถือเป็นการรับประกันระดับหนึ่งว่า spread ในปี 2565 โดยรวมไม่น่าจะอยู่ต่ำกว่าปี 2564 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังได้ปรับสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Ethane Cracker ในสหรัฐฯ ที่เริ่มกลับมาผลิต และโครงการ Oxiteno ที่เริ่มจะรับรู้กำไรเข้ามาครั้งแรกในช่วงไตรมาส 2/2565 ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับที่ผู้บริหารนำเสนอ โดย กำหนดให้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Ethane Cracker จะอยู่ราว 40-50 ล้านเหรียญฯต่อปี หรือราว 1.20-1.50 พันล้านบาทต่อปี (จากเดิมในสมมติฐานประเมินเพียง breakeven) ส่วนของ Oxiteno คาดกำไรจะอยู่ราว 90 ล้านเหรียญฯ หรือราว 2.80-3.00 พันล้านบาทต่อปี (จากเดิมกำหนดให้เพียง 1.20 พันล้านบาท) ดังนั้นภายใต้ประมาณการใหม่คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2565 และ 2566 จะอยู่ราว 3.00 และ 3.30 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.90% และ 10.20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ และส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปี 2565 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 56 บาทต่อหุ้น
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงมุมมองกำไรปกติไตรมาส 4/2564 ราว 6,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งโตสูงจากช่วงปีก่อน เพราะปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ทั้ง PET+I0D และอัตรากำไรที่ดีของส่วน PET และ IOD หนุน core EBITDA/ton เป็นราว 127 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนการโตจากไตรมาส 3/2564 เพราะอัตรากำไรของ PET เพิ่มขึ้นเกิดจาก supply ในจีนลดลง
ทั้งนี้คาดกำไรปกติปี 2564 โตสูง เพราะปริมาณขาย (PET+IOD) stock gain/ core EBITDA (PET) ที่เพิ่มขึ้น และโตต่อเนื่องในปี 2565 แม้ไม่มี stock gain ก้อนใหญ่ (ราว 8,663 ล้านบาท) เหมือนปี 2564 แต่โตเพราะทุกธุรกิจที่ดีขึ้น โดยธุรกิจ PET อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจาก oversupply ที่ลดลง และปรับเพิ่ม margin (ในส่วนของการขายแบบ Contract), ธุรกิจ IOD ปิดซ่อมลดลง (ไม่มี Polar Vortex และ Cracker ออกจากปิดซ่อม) และมีแรงหนุนจาก Oxiteno และอัตรากำไรฟื้นจากผลกระทบโควิดที่ลดลงโดยเฉพาะในอินเดีย คาด core EBITDA เพิ่มมาที่ราว 129 เหรียญฯ/ตัน
อย่างไรก็ดีคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 57.50 บาท/หุ้น มองการปรับ margin การขายแบบสัญญาฯ ของปี 2565 หนุนภาพ core EBITDA/ton อยู่ในขาฟื้นตัวยิ่งขึ้น ประกอบกับได้แรงหนุนของ Oxiteno ที่ core EBITDA/ton (159 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) สูงกว่า port เดิมเข้ามา คงมุมมองช่วงครึ่งปีแรก IVL ปัจจัยบวกหนุนเด่นกว่ากลุ่มปิโตรเคมี จากอัตรากำไรฟื้นต่อเนื่อง และมีแรงหนุน M&A