ดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง ดันกำไร STGT ปี 64 โต 65% แตะ 2.3 หมื่นลบ. แจกปันผล 0.65 บ.
ดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง ดันกำไร STGT ปี 64 โต 65% แตะ 2.3 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 1.4 หมื่นลบ. พร้อมแจกปันผล 0.65 บ. กำหนดจ่าย 5 พ.ค.65
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2564 ดังนี้
โดยปี 2564 เป็นปีที่บริษัทฯ สามารถสร้างประวัติศาสตร์กำไรสุทธิได้สูงถึง 23,704.20 ล้านบาท เติบโต 64.40 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มากว่า 32 ปีคิดเป็นกำไรที่ 8.28 บาทต่อหุ้น และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 49.90
สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 47,550.80 ล้านบาท เติบโตสูงถึงร้อยละ 55.60 จากงวดเดียวกันของปีก่อน อันเป็นการเติบโตจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) เติบโตอย่างก้าวกระโดดอยู่ที่1,739.20 บาทต่อพันชิ้น (USD 54.68) ขยายตัวร้อยละ 56.50 จากความต้องการในการบริโภคและกำลังซื้อที่แข็งแกร่งจากทั่วทุกมุมโลก ในการใช้ถุงมือยางเป็นอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ทั้งในเชิงทางการเงิน
ส่วนภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ ร้อยละ 57.20 จากร้อยละ 56.20 ในปี 2563 และเมื่อหักต้นทุนทางการเงินที่ลดลงร้อยละ 11.10 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 127.40 ล้านบาท จากอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ทั้งนี้เงินกู้ระยะยาวของบริษัทฯ ทั้งหมดเป็นเงินกู้ที่ได้รับชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง พร้อมทั้งมีรายได้ทางการเงิน 106.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 169.10 จากงวดเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากดอกเบี้ยรับจากเงินฝากสถาบันการเงิน และค่าใช้จ่ายทางภาษี 2,172.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.3 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามกำไรก่อนภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยอัตราภาษีที่แท้จริง (Effective Tax Rate) ปรับลดลงอยู่ที่ ร้อยละ 8.40 จากร้อยละ 9.70 ในปี 2563 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของโรงงานที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี(BOI) ตามการขยายตัวของกำลังกำรผลิต
นอกจากนั้นบริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 และกำไรสะสม เป็นเงินสดในอัตรา 0.65 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เม.ย.2565 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 พ.ค.2565