โบรกฯเฟ้น 12 หุ้นเด็ด! เน้นปัจจัยบวกเฉพาะตัว ชู INTUCH-BBL เด่นสุด
"บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" คัด 12 หุ้นเด็ดมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ทั้งในด้านผลประกอบการ และการปันผล รวมถึงแนวโน้มผล ชู INTUCH-BBL เด่น
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยมีการแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวโดดเด่น ทั้งในด้านของผลประกอบการและการปันผล รวมถึงแนวโน้มธุรกิจในอนาคตที่มีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จำนวน 12 หลักทรัพย์ ดังนี้
1.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาเป้าหมาย 68.50 บาท โดยไทยได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลให้ผู้โดยสารเพิ่มสูงอย่างมีนัยยะเทียบกับเดือนก่อน หลัง ศบค. เริ่มอนุญาตเดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go อีกครั้งตั้งแต่ 1 ก.พ. นี้ หลังควบคุมการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ Omicron ได้ดี หนุนปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แนวรับ =63/64 แนวต้าน = 66/68
2.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO โดยการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ไตรมาส 4/64 เติบ 10% จากปีก่อน บวกคุมเข้มรายจ่ายได้ดี คาดหนุนกำไรไตรมาส 4/64 โต 13.5% จากปีก่อน, +101% จากไตรมาสก่อน
พร้อมคาดกำไรปี 64 จะเติบโตได้ 5% จากปีก่อน จากกำไรไตรมาส 4/64 ที่สดใส และปี 65 จะเติบโตอีก 14.5% จากผลบวกช็อปดีมีคืน ฐานกำไรที่ต่ำมากในงวดไตรมาส 3/64
อีกทั้ง HMPRO เป็น 1 ในหุ้นค้าปลีกที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง และมีแผนรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว แนวรับ=14.2/14.4 แนวต้าน=15.4/16
3.บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ราคาเป้าหมาย 87 บาท โดย INTUCH ประกาศกำไรปี 64 ลดลงจากปีก่อน 2.7% ตามทิศทางบริษัทลูก ADVANC และ THCOM ขณะที่ปี 65 กำไรจะกลับมาเติบโตได้ราว 7% หลัก ๆ จาก ADVANC ที่รุกขยายฐานลูกค้า 5G เพิ่มราวเท่าตัว และ THCOM ยังประคองกำไรได้ เพราะยังให้บริการดาวไทยคม 4 และ 6 ได้หลังสิ้นสุดสัมปทาน
พร้อมกันนี้ INTUCH ประกาศจ่ายปันผลครึ่งหลังปี 2565 ที่ 1.60 บาท D/P ราว 2.1% ขึ้น XD 23 ก.พ.นี้ และราคาหุ้นมี upside 12% วางแนวรับ = 76/76.5 แนวต้าน = 78.5/80
4.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ราคาเป้าหมาย 146 บาท โดยกำไรไตรมาส 4/64 ที่ระดับ 1.06 หมื่นล้านบาท เติบโตดีทั้งจากไตรมาสก่อน และปีก่อน และดีกว่าคาดตามปริมาณขายที่สูงขึ้นและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
พร้อมคาดกำไร 1/65 ดีขึ้นอีกตามปริมาณขาย +4% จากไตรมาสก่อน และราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแข็งแกร่ง จากความกังวลด้านอุปทานตึงตัว
ขณะที่มีแนวโน้มกำไรมีเสถียรภาพสูงตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะหนุนอัตราเงินปันผลระดับดี โดยจ่ายทั้งปี 5 บาท/หุ้น ให้แนวรับ = 130/132 แนวต้าน = 136/140
5.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาเป้าหมาย 163 บาท โดยกำไรปี 64 โต 54% จากปีก่อน หลังรวมแบงก์เพอร์มาต้าเต็มปี ส่งผลให้สินเชื่อโตสูงบวกรายได้ค่าธรรมเนียมหนุน คาดการย้ายฐานผลิตมาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีกับการปล่อยสินเชื่อของ BBL ที่มีสาขาครอบคลุมทุกประเทศในภูมิภาค และมีสัดส่วนต่างประเทศสูงถึง 25% สูงสุดเทียบระบบธนาคาร พร้อมคาดกำไรปี 65 โตสูง 31% จากปีก่อน สำรองลดช่วยหนุน
ทั้งนี้ มองว่า BBL ถือเป็นหุ้นพื้นฐานดี เงินกองทุนแข็งแกร่ง คาดปันผลปี 64 ราว 3.6% เป็นหุ้น value stock ที่เลือก ให้แนวรับ=140/142แนวต้าน=148/150
6.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ราคาเป้าหมาย 27.5 บาท คาดกำไรปกติปี 64 ทรงตัวจากปีก่อน แม้ปีก่อนหน้ามีกำไรจากการขายเงินลงทุน BH แต่ปี 64 รับผลบวกจากปรับกลยุทธ์แบ่งจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด
ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติที่ Fly-in มารักษาโดยตรง ซึ่งปกติมีสัดส่วนราว 15% ทยอยเดินทางมารับการรักษา ส่วนการเดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go คาดจะหนุนให้ผู้ป่วยต่างชาติมารักษาเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนุนให้คาดกำไรสุทธิปี 65 จะเติบโตถึง 35% พร้อมให้แนวรับ=22.3/22.5 แนวต้าน=23.8/24.2
7.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ราคาเป้าหมาย 174 บาท โดยธนาคารตั้งเป้าเป็นผู้นำ digital banking และรุกขยายสินเชื่อไปครอบคลุมระดับภูมิภาค “AEC+3” โดยปี 65 ตั้งเป้ารุกสินเชื่อโต 6-8% เน้นสินเชื่อรายย่อยที่มี Yield ดัน NIM เพิ่ม พร้อมคุม NPL < 4%
พร้อมคาดกำไรปี 65 กลับมาสูงกว่าช่วง Pre-Covid แล้ว คาดความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต แต่ราคาปรับขึ้นมามากเหลือ upside น้อย แต่เม็ดเงินต่างชาติเข้าลงทุนหนุนซื้อเก็งกำไรต่อได้ ให้แนวรับ = 165/168 แนวต้าน = 174/176
8.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาเป้าหมาย 69 บาท โดยกำไรไตรมาส 4/64 ที่ 5.0 พันล้านบาท +144% จากไตรมาสก่อน จาก Mkt. GIM ที่ $7.0/บาร์เรล (ไตรมาส 3/64 : $5.5, ไตรมาส 4/63 : $3.6) จากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นเด่นตามส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น และปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามความต้องการน้ำมันฟื้นตัว โดยแนวโน้มไตรมาส 1/65 เติบโตต่อเนื่องตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นอีก โดยหลักจากความต้องการน้ำมันดีเซลและ Jet
ขณะที่ TOP จ่ายเงินปันผลระดับดี โดยจะจ่ายอีก 2 บาท/หุ้น D/P 3.7% วางแนวรับ=52/53 แนวต้าน=56/57.5
9.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาเป้าหมาย 70 บาท โดยราคาหุ้นทยอยฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของผลการดำเนินการ โดย 7-11 เพิ่งปลดล็อกเคอร์ฟิว 1 พ.ย. ทำให้ยอดขายสาขาเริ่มเป็นบวกบางๆ ในเดือนพ.ย. ได้รับผลบวกจากปรับโครงสร้างโลตัสไปอยู่ภายใต้บริษัทลูก MAKRO แทน และลดสัดส่วนถือหุ้น MAKRO ลดลงจาก 93% เหลือไม่ถึง 60%
โดยร่วมขายหุ้น MAKRO จำนวน 363 ล้านหุ้น เพื่อคืนหนี้ ลดดอกเบี้ยจ่าย ด้าน “ช็อปดีมีคืน” และท่องเที่ยวฟื้นหนุนไตรมาส 1/65 ฟื้นตัวชัดเจน ให้แนวรับ = 64/65 แนวต้าน = 66/67.5
10.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ราคาเป้าหมาย 14.6 บาท โดยราคาถ่านหินปรับขึ้นเด่นจากความต้องการเพื่อผลิตไฟฟ้าโดยเฉพาะในยุโรป เพื่อทดแทนก๊าซซึ่งมีราคาแพง พร้อมคาดกำไรไตรมาส 4/64 แข็งแกร่งต่อเนื่องตามปริมาณและราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาลซึ่งเป็นฤดูหนาว
พร้อมคาดกำไรปีนี้ยังโดดเด่นตามราคาถ่านหินที่ทรงตัวระดับสูง โรงไฟฟ้าโครงการใหม่ของ BPP และกำไรพิเศษจากการขายหุ้นของ Sunseap ให้แนวรับ = 11/11.4 แนวต้าน = 12.3/12.5
11.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าหมาย 57.5 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/64 เติบโตดีตามปริมาณขายที่แข็งแกร่งจากความต้องการฟื้นตัวและสเปรด PET โดยเฉพาะฝั่งยุโรปและอเมริกาแข็งแกร่งจากอุปทานที่ตึงตัว
อีกทั้งคาดกำไรไตรมาส 1-2/65 ดีต่อเนื่องจากการควบรวม Oxiteno (ผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำบราซิล) แล้วเสร็จ ให้แนวรับ = 49/50 แนวต้าน = 53/54
12.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ราคาเป้าหมาย 448 บาท โดยกำไรไตรมาส 4/64 ที่ 8.3 พันล้านบาท (+22% จากไตรมาสก่อน, +3% จากปีก่อน) ต่ำกว่าตลาดคาด จากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจเคมิคอลส์ลดลงเป็นหลักตามสเปรดที่อ่อนตัว อย่างไรก็ตาม มีความเคลื่อนไหวการทำ IPO ที่ชัดเจนของหุ้น SCGC ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยหนุน
ขณะที่ราคาหุ้นนอกเหนือจากอัตราเงินปันผลน่าสนใจ โดยจะจ่ายอีก 10 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 7 เม.ย.นี้ ให้แนวรับ = 386/388 แนวต้าน = 396/400