โบรกฯ เชียร์ซื้อ RICHY คาดปี 65 กำไรโต 33% อัพเป้าใหม่ 1.82 บ. ชี้ P/E ต่ำ

โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” หุ้น RICHY ประเมินปี 65 กำไรโต 33% ตุน Backlog กว่า 3.4 พันลบ. คาดทยอยรับรู้ปี 65-67 เดินหน้าเปิดขายโครงการใหม่ อัพเป้าใหม่ 1.82 บ. จากเดิม 1.47 บ. ชี้ P/E ต่ำ


บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เนื่องจากสถานการณ์ปี 2564 ยอดโอนแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก คาดว่ารายได้จากการโอนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 84% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยแรงผลักดันสำคัญมาจากการเริ่มโอนโครงการขนาดใหญ่ คือเดอะริชพระราม 9 -ศรีนครินทร์มูลค่าขาย 2.1 พันล้านบาท ตั้งแต่กลางปี 2564 เมื่อฐานรายได้สูง ก็ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายปีนี้ปี 2565 ในเชิงรุก จากสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยขึ้น ได้แก่การเปิดเมือง รัฐส่งเสริมด้วยการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV และต่ออายุมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองไปอีก 1 ปี คือ สิ้นสุดปลายปี2565 นี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการขายที่ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันปีก่อน และรายได้จากการโอน 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53%จากงวดเดียวกันปีก่อน

โดยฝ่ายวิจัยได้คาดการณ์กำไรปีนี้โตต่อเนื่องได้อีกถึง 33% แม้ว่าในประมาณการมีสมมุติฐานรายได้ต่ำกว่าเป้าบริษัทอยู่15% เป็น 2 พันล้านบาท แต่ยังโตได้ 33% จากปีก่อน  ทั้งนี้มีแรงสนับสนุนมาจากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่สูง ณ สิ้นปี2564 ที่ 3.4 พันล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 2565-2567 โครงการใหญ่ที่จะโอนได้ต่อเนื่องคือ เดอะริช พระราม 9-ศรีนครินทร์และเดอะริช เพลินจิต-นานา รวมทั้งโครงการที่จะก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนระหว่างปี, รายได้จากโครงการแนวราบที่จะเปิดขายปีนี้ 2 โครงการ

ขณะที่บริษัทมีสต็อกพร้อมขายและโอนได้ทันทีอีก 6 พันล้านบาท และมีแผนการเปิดขายโครงการใหม่ปีนี้รวมเป็น 4 โครงการ ที่มูลค่าขาย 6 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการและคอนโด 2 โครงการ ตามรายละเอียดคือ แนวราบจะเป็นทาวน์โฮมทั้งสองโครงการ มูลค่าขายรวม 1 พันล้านบาท ได้แก่โครงการริชตัน พัฒนาการ สวนหลวง และ ริชตัน ดอนเมือง เพิ่มสิน ส่วนคอนโด อยู่ในทำเลพระราม 9 จำนวน 1 โครงการและอีก 1 โครงการ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา

โดยได้แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากราคาปิดปัจจุบันยังมี Upside อีกมาก ประเมินมูลค่าหุ้นยังถูก P/E และ P/BV ปี 2565 ที่เพียง 5.2 และ 0.6 เท่าตามลำดับ กำหนดราคาพื้นฐานใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 1.82 บาทต่อหุ้น จากเดิม 1.47 บาทต่อหุ้น ด้วย P/E ปี 2565 ที่ 7 เท่า ซึ่งเลื่อนใช้ปีประมาณการจากเดิมคือปี 2564 ข้อดีคือ ปลายปีก่อนเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) สำเร็จได้เงินมาลงทุนเพิ่มอีก 322 ล้านบาท แม้เกิด Dilution Effect 17% สำหรับ RICHY-W3 ที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม ก็จะช่วยเพิ่มฐานทุนได้อีก 322 ล้านบาทเช่นกัน แต่คาดว่าจะทยอยแปลงมาเป็นหุ้นสามัญ ขณะที่อายุวอร์แรนท์เพียง 1 ปีและราคาใช้สิทธิเป็น 1.30 บาท นอกจากนี้จะมีการรับเหรียญดิจิทัล สำหรับการชำระค่าสินค้าที่อยู่อาศัยได้อีกด้วย

Back to top button