NER ควักเงิน 633 ลบ.แจกปันผล ตั้งเป้าปี 65 รายได้ทะลุ 2.8 หมื่นลบ.รับดีมานด์ยางโตเด่น
NER ปันผล 0.36 บ. XD วันที่ 19 เม.ย 65 หลังกำไรปี 64 โตกว่าเท่าตัว ตั้งเป้าปี 65 รายได้ 2.8 หมื่นลบ. จากความต้องการใช้ยางที่ยังดีต่อเนื่อง และเตรียมจำหน่ายแผ่นยางปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattleFlex ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติการจ่ายเงินงวดดำเนินงาน วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.36 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เมษายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 คิดเป็นเงิน 633.83 ล้านบาท
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงาน ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ว่า บริษัทฯ มียอดขายสินค้ารวม 24,425.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,075.88 ล้านบาทหรือ 49.39% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 และมีกำไรสุทธิรวม 1,850.19 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 991.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115.47% ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.57% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่เท่ากับ 5.25%
โดยผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทที่ขยับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยปัจจัยหลักเกิดจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 10.56% เป็น 13.25%
ขณะที่สัดส่วนรายได้จากการขาย แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 15,182.94 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.16% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,595.28 ล้านบาทหรือ 43.40% รายได้จากการขายต่างประเทศ 9,242.72 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.84% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 3,480.60 ล้านบาทหรือ 60.40%
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 28,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายคาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 510,000 ตัน โดยสัดส่วนของยอดขายในปี 2565 บริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 65:35 เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราค่าระวางเรือที่ปรับเปลี่ยนในทิศทางที่สูงขึ้น โดยมองว่าความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ก็จะทำให้มีการคมนาคมมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น
โดยมีรายงานจาก กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ระบุว่า ยอดผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ขยายตัวถึง 160% เมื่อเทียบปีต่อปี และมีการส่งเสริมและผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยการเร่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สถานีชาร์จ เสาชาร์จ และ สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รองรับ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการให้ได้ 20 ล้านคันในปี 2025 โดยจีนจะจัดตั้งสถานีชาร์จในทุกอำเภอและติดตั้งเสาชาร์จในทุกหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนใช้รถยนต์พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง
ด้านแผนงานธุรกิจปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์แผ่นปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattleFlex ตั้งเป้าปริมาณการขายภายในปีแรกที่ 250,000 แผ่น คิดเป็นรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทกำลังเร่งดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ (distributor) ซึ่งในเฟสแรกมีทั้งหมด 13 ประเทศ โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น Pro พรีเมียมระดับมาตรฐานยุโรป รุ่น Tuf ทนทานในราคาที่จับต้องได้ รุ่น Calf พิเศษสำหรับลูกวัว และรุ่น Move สำหรับทางเดินในฟาร์มปศุสัตว์ พร้อมกันนี้ได้เตรียมเปิดตัว cattleFlex Winner รุ่นพิเศษ สำหรับการดูแลม้าในเร็วๆ นี้