BRI เปิดยุทธศาสตร์ปี 65 ปักธงยอดขายทะลุหมื่นลบ. จ่อเปิด 12 โครงการแนวราบ 1.34 หมื่นลบ.
BRI เปิดยุทธศาสตร์ปี 65 ภายใต้คอนเซปต์ Growth Together ทั้งการขยายตลาดสู่ทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ปักธงยอดขายแตะ 1.10 หมื่นลบ. จ่อเปิด 12 โครงการแนวราบกว่า 1.34 หมื่นลบ.
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายปี 2565 ไว้ที่ 1.10 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30% จากปีก่อนที่มียอดขาย 8.37 พันล้านบาท โดยวางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่แบบเชิงรุกจำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.34 หมื่นล้านบาท
โดยโครงการใหม่ในปี 2565 ส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดแบรนด์ BRITANIA ระดับราคา 4-8 ล้านบาท หลังจากที่ในปี 2564 บริษัทฯ มีการเปิดบ้านแบรนด์บ้านหรู คือ GRAND BRITANIA ไปมากแล้ว โดยปีนี้บริษัทฯ จะหันมาเน้นการสร้างฐานลูกค้าที่ Mass มากขึ้น เพื่อทำให้แบรนด์ของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังรุกพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นทั้งในขอนแก่น อยุธยา รวมถึงระยอง ซึ่งยังคงเน้นจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากรและความต้องการที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตแก่คนในพื้นที่ และขยายพื้นที่ในต่างจังหวัดทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายทำเลการพัฒนาโครงการแนวราบในกรุงเทพฯและปริมณฑลให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่ทุกๆไตรมาสอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.2565 ที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถทำยอดขายได้แล้ว 1.15 พันล้านบาท
ส่วนเป้าหมายยอดโอนในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 7.25 พันล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2564 มีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ราว 1.20 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเข้ามาในปีนี้ทั้งหมด
ขณะที่บริษัทฯ ได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่น การเจรจาล็อกราคาวัสดุก่อสร้างกับพันธมิตร การเพิ่มประสิทธิภาพบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพื่อลดผลกระทบจากการปรับราคาที่อยู่อาศัย และทำให้บริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดีต่อเนื่อง สำหรับโครงการบ้านแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายในปี 2565 มีจำนวนอยู่ทั้งสิ้น 20 โครงการ มูลค่ารวม 2.25 หมื่นล้านบาท
ด้านแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2565 คาดว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวและเติบโตได้ดี เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การกระจายวัคซีนที่ทำได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์ LTV เป็นการชั่วคราว สามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมกับสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องได้ 100% ของมูลค่าหลักประกัน ส่งผลดีต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ และส่งผลดีต่ออัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่จะดีขึ้น ซึ่งลูกค้าของบริษัทมีอัตราปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่เฉลี่ย 30%
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังมุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ Growth Together ทั้งการขยายตลาดสู่ทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาคทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลางที่มีศักยภาพเติบโตสูง การร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) การปรับตัวสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์ม การพัฒนาระบบนิเวศน์ (Eco System) การให้คำแนะนำและสนับสนุน (Coaching & Support) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พันธมิตร พาร์ทเนอร์และพนักงานของบริษัทส่งต่อองค์ความรู้ที่จะเพิ่มศักยภาพและปรับตัวรับยุค Next Normal เพื่อร่วมมือกับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคง
“เราจะร่วมมือกับพันธมิตรตอกย้ำ ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต โดยการนำพลังงานทางเลือกเข้ามาใช้เพิ่มเติม ได้แก่ การพัฒนา Solar Roof Top (แผงหลังคาโซลาร์เซลล์) และ EV Charger (สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า) จะเริ่มนำร่องทดลองใช้พื้นที่ส่วนกลาง อาคารสโมสร ของบ้านภายใต้แบรนด์ แกรนด์ บริทาเนีย เพื่อดูผลตอบรับก่อนขยายการติดตั้งไปยังพื้นที่หรือบ้านในแบรนด์อื่นๆ นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายการบริการหลังการขายแก่ลูกบ้านตลอดช่วงอายุการพักอาศัย (Long-Life Living After Sale Service) ครอบคลุมทั้งภายในและหลังระยะเวลาประกัน เช่น รับประกันคุณภาพโครงสร้างบ้าน 5 ปีนับจากวันที่โอนกรรมสิทธิ์, ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน, การแจ้งซ่อมและติดตามสถานะผ่าน Mobile Application Britania Connect” นางศุภลักษณ์ กล่าว
ด้านนายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานอำนวยการ BRI กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเทรนด์ความยั่งยืน ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองเทรนด์ดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงที่ยังมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคใช้เวลาอยู่บ้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านแนวราบที่มีความปลอดภัย สุขอนามัยที่ดี ใช้ชีวิตสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังต้องออกแบบและนำเสนอนวัตกรรมรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุภายใต้แนวคิด Universal Design เพื่อให้คนทุกวัยสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างลงตัว เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป 20% ของประชากรทั้งหมด ถือว่าเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้วในปีนี้
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ศึกษาวิเคราะห์ความต้องของผู้อยู่อาศัย (Human Centric) และนำมาพัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่ที่ตอบสนองการใช้พื้นที่ร่วมกันของสมาชิก ทำให้เกิดพื้นที่เปิดโล่งและต่อเชื่อมกัน (Open Space Plan) โดยออกแบบพื้นที่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนหน้าบ้าน (Pocket Garden) สามารถตกแต่งเป็นห้องนอนที่ 4 รองรับผู้สูงอายุ หรือปรับเป็นห้องทำงาน ส่วนห้องนอนชั้น 2 ทุกห้องจะมีความกว้างไม่ต่ำกว่า 3 เมตร เพื่อขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบฉบับ “บ้านบริทาเนีย” เน้นการออกแบบทรงหน้าจั่ว English Gable เพื่อให้เกิดภาพจำและเสริมความโมเดิร์นรองรับความเป็นคนรุ่นใหม่