VNG ปี 64 เทิร์นอะราวด์ 1.3 พันลบ. มั่นใจปี 65 “รายได้-กำไร” โต 20%
VNG ปี 64 พลิกมีกำไร 1,294 ลบ. มั่นใจปี 65 เติบโตต่อเนื่อง ลุ้นรายได้-กำไรเติบโต 20% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากธุรกิจ โรงงานผลิตแผ่น OSB และโรงไฟฟ้าชีวมวล รวมถึงบริษัทย่อยจะช่วยสนับสนุน พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 64 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท ขึ้น XD วันที่ 17 มี.ค. 65
นายวรรธนะ เจริญนวรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส 4 ปี 2564 มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 3,829.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,545.50 ล้านบาท หรือ 68% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,283.50 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 330.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511.50 ล้านบาท หรือ 282% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 181.20 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 12,987.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.08% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายเพียง 8,321.00 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,293.80 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 590.48 ล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 ถือเป็นการ “เทิร์นอะราวด์” ในรอบ 4 ปี หลังจากก่อนหน้ามีการขาดทุนต่อเนื่องในช่วงปี 2561-2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
“ผลการดำเนินงานในปี 2564 เทิร์นอะราวด์อย่างชัดเจน หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทีมผู้บริหารได้มีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยพยายามแก้ไขปัญหาต้นทุนวัตถุดิบได้สมบูรณ์ด้วยการสร้างโมเดลธุรกิจครบวงจร บริหารจัดการวัตถุดิบตั้งแต่กิ่งถึงโคนไม้ยางพารา เพิ่มสินค้าใหม่ใน product mix คือ แผ่น OSB และแผ่นไม้ Plywood ทำให้มีการผลิตเต็มกำลังการผลิต ซึ่งทำให้ต้นทุนลดลง ซึ่งภายหลังจากตลาดโลกฟื้น หลังได้รับวัคซีนโควิด อัตราการเสียชีวิตลดลง ทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ ทำให้อุปสงค์ของโลกเพิ่มขึ้น สนับสนุนให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ กลับมาฟื้นตัวแรง” นายวรรธนะ กล่าว
ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเข้าสู่โหมดของการเติบโตต่อเนื่อง จาก New Growth Drivers ที่จะช่วยผลักดันรายได้และกำไรเติบโต 20% ประกอบด้วย โรงงานผลิตแผ่น OSB ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 210,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยจับกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเดินเครื่องการผลิตแล้ว โดยใช้ เปลือกไม้ และฝุ่นไม้ ที่เหลือใช้จากการผลิต ช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ปีละ 120 ล้านบาท นอกจากนี้โรงงานไม้อัด (Plywood) ขนาดกำลังการผลิต 60,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี พร้อมเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 2 ปี 2565 ซึ่งเน้นทำการตลาดทดแทนการนำเข้าไม้อัดจากต่างประเทศ มูลค่า 8,000 ล้านบาทต่อปี
รวมไปถึงโรงงาน Super Particle board ก็พร้อมเดินเครื่องผลิตในต้นปี 2565 เช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นสินค้า wood-based panel เจนเนอเรชั่นใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกสูง และบริษัทฯมีแผนกลับไปบุกตลาดจีนอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัท วนชัย โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งใหม่ขึ้นมา เพื่อประกอบกิจการให้บริการขนส่งสินค้า และ Warehouse ให้กับกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2565 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งสินค้าของบริษัทในกลุ่ม เพิ่มช่องทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม
ส่วนบริษัท วนชัย วู้ดสมิธ จำกัด จะเริ่มกลับมาบุกตลาด retail ทั่วประเทศอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเป็น 12.7 เมกะวัตต์ ในปี 2565 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 9.3 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการผลิตให้กับบริษัทฯได้ราว 50 ล้านบาทต่อปี และยังได้รับการสนับสนุนจาก BOI
อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติเพื่อนำเสนอขอมติผู้ถือหุ้นในการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรา 0.40 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) 5% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 มีนาคม 2565 กำหนดจ่ายวันที่ 17 พฤษภาคม 2565