ส่อง 6 หุ้นกำไรปี 64 พุ่งแรงเกิน 100% จับตาปี 65 มีลุ้นโตต่อ!
ส่อง 6 หุ้น CPANEL, SMT, NER, SABUY, DOHOME และ KCE รายงานตัวเลขกำไรปี 64 พุ่งแรงกว่า 100% พร้อมจับตาปี 65 ฉายแววโตต่อ!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวมรวบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ที่รายงานตัวเลขผลการดำเนินงานงวดปี 2564 มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอย่างกว่า 100% หรือกว่า 1 เท่า และยังมีแนวโน้มว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง ประกอบด้วย CPANEL, SMT, NER, SABUY, DOHOME และ KCE ดังนี้
โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์คงประมาณการกำไรสุทธิของบริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ปี 2565 เติบโตต่อ 122% เมื่อเทียบจากปีก่อนเป็น 71 ล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่ มีแรงขับเคลื่อนหลักจากรายได้ที่เร่งขึ้น สอดคล้องกับแผนรุกเปิดตัวโครงการอสังหาฯมากที่สุดในรอบ 2 ปีซึ่งยังเน้นในผลิตภัณฑ์แนวราบเป็นหลัก หนุนต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ Precast Concrete ที่มีข้อได้เปรียบทางต้นทุนและระยะเวลาการก่อสร้าง รวมถึงปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกิจกรรมก่อสร้างราบรื่นขึ้น ขณะที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักอย่างปูนและเหล็กที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม อย่างไรก็ดี คาดว่าอุปสงค์ที่ฟื้นตัวดี ท่ามกลางตลาดที่มีคู่แข่งไม่มาก จะทำให้บริษัทสามารถปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นได้ คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 9 บาท
ส่วนบล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของบริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT จะเติบโตถึง 32.8% เมื่อเทียบจากปีก่อนสู่ระดับ 279 ล้านบาท จากแนวโน้มรายได้รวม 2565 เติบโต 37.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน สู่ระดับ 3 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตต่อเนื่อง การขยายฐานลูกค้าไปยังยุโรปและเอเชียมากขึ้น รวมถึงการเพิ่ม Product line ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น อาทิเช่น Block chain miner และ Robotic transferred นอกจากนี้ คาด Gross margin ปี 2565 ฟื้นตัวมาที่ 19.7% เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2565 จะฟื้นตัวจากงวดไตรมาส 4/2564 จากแนวโน้มปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนทยอยดีขึ้น หนุนแนวโน้มรายได้รวมและ gross margin ฟื้นตัว จากงวดไตรมาส 4/2564 ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 6.50 บาท
ขณะที่บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินว่ากำไรของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY จะเติบโตอย่างกก้าวกระโดดแตะระดับ 3 หลักในไตรมาส 1/2565 และจะพุ่งขึ้นสูงสูงอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้งในครึ่งหลังของปี 2565 หนุนจากธุรกิจใหม่ของบริษัทที่จะเริ่มออกดอกผลอย่างก้าวกระโดด
โดยประมาณการเบื้องต้นกำไรไตรมาส 1/2565 ที่ 100 ล้านบาท ล เติบโต 200% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 50% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ไตรมาส 2/2565 กำไร 120 ล้านบาท เติบโต 150% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 20% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ส่วนไตรมาส 3/2565 กำไร 220 ล้านบาท เติบโต 300% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 80% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และกำไร 340 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 เติบโต 400% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 60% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และยังคงเชื่อมั่นว่า SABUY จะสามารถบรรลุประมาณการกำไรหลักปี 2565 ที่ 787 ล้านบาท เติบโต 290% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 10 บาท อิง PER ปี 2565 ที่ 8 เท่า โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 7% อยู่ที่ 2,216 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้น 7% อยู่ที่ 2,669 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการปรับ gross margin และราคาขายเฉลี่ยในปี 2565/2566 ขึ้น จากแนวโน้มราคายางธรรมชาติที่คาดว่าจะสามารถยืนในระดับสูงได้ ขณะที่ยังคงประมาณการปริมาณขายเท่าเดิม
อีกทั้งยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 31 บาท อิง PER ปี 2565 ที่ 34.5 เท่า ทั้งนี้ปรับกำไรสุทธิปี 2565 ลง 12% ที่ 2.16 พันล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทั้งนี้ยังคงรายได้ที่ 3.19 หมื่นล้านบาท จากการขยายสาขา 5 สาขา ซึ่งจะเริ่มเปิดสาขาแรกในไตรมาส 1/2565 และคาดว่า SSSG ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปรับ GPM ลงมาที่ 19% จากเดิม 20.2% โดย target GPM ของบริษัทอยู่ที่ 18-21% จากราคาเหล็กที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงในปี 2565-2566
นอกจากนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE แต่ปรับราคาเป้าหมายปี 2565 ลงเป็น 80 บาท อิง PER ปี 2565 ที่ 32 เท่า โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/2566 ลง 16%/22% อยู่ที่ 3 พันล้านบาท เติบโต 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 3.3 พันล้านบาท เติบโต 14% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามลำดับ จาก 1) ปรับประมาณการรายได้สกุล USD ลงในปี 2565/2566 ลง 4%/11% อยู่ที่ 575 และ 664 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ และ 2) ปรับ gross margin ปี 2565/2566 ลงเป็น 27.5% จาก 30% จากปัญหาเครื่องจักรและการเลื่อนขยายกำลังการผลิต และชิพขาดแคลน