WFX โชว์กำไรปี 64 นิวไฮ 360 ลบ. แจกปันผล 0.245 บ. XD 10 มี.ค.65

WFX เผยผลงานปี 64 ทำนิวไฮ กำไรพุ่ง 521.17% หลังใช้กลยุทธ์ใช้ช่องทางทำตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users พร้อมจ่ายปันผล 0.245 บ./หุ้น เปิดแผนปี 65 เดินหน้าขยายกำลังผลิต เน้นคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ วางเป้าโต 10-15%


นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 359.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 521.17% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 57.81 ล้านบาท  โดยเป็นระดับกำไรสูงสุดใหม่ของบริษัท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,776.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2564 บริษัท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 170.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,481.16% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1.38 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,187.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.25%จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ มีความสามารถในการผลิตเส้นด้ายยางยืดในการผลิตเส้นด้ายยางยืดในทุกขนาด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ และเน้นกลยุทธ์การบุกตลาด เพื่อชิงส่วนแบ่งนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้น  เช่น ประเทศในทวีปอเมริกาใต้และทวีปยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ความต้องการสินค้าสูงขึ้น จากปัญหา COVID-19

รวมทั้งบริษัทฯเลือกใช้ช่องทางการทำตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users โดยตรงจากเดิมที่จะขายผ่านผู้จัดจำหน่ายสินค้า(Distributor) ตลอดจนการที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง (Economy of scale) รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ในแต่ละ segmentทำให้ขายได้มาร์จิ้นที่สูงขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.245 บาท  รวมเป็นเงินปันผลประมาณ 113.73 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 11 มีนาคม 2565 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565

ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้ามีรายได้เติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งอาจจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดการเดิม ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 โดยจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟสรวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากคลี่คลายจาก COVID-19 ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้  ซึ่งมีการชะลอตัวในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม จะมีมากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่กลับมาฟื้นตัวและเติบโต ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลายตอบรับกับแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเส้นด้ายยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ตามกลยุทธที่ว่า “ทุกเรื่องยางยืด ครบจบที่เวิลด์เฟล็กซ์”  ผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องได้อีกในระยะยาว” นายณัฐ กล่าว

Back to top button