เผยโฉม 7 หุ้น “เทิร์นอะราวด์” งบปี 64 พลิกกำไร SPRC นำทีม “อัพไซด์” สูงลิ่ว 38%

เผยโฉม 7 หุ้น "เทิร์นอะราวด์" โชว์งบปี 64 พลิกกำไร ฟากโบรกแนะ "ซื้อ" มองผลงานปีนี้โตต่อ ชู SPRC นำทีม "อัพไซด์" สูงลิ่ว 38%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่รายงานตัวเลขผลการดำเนินงานงวดปี 2564 (สิ้นสุด 31 ธ.ค.64) พลิกกลับมามีกำไรเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีการจ่ายปันผล และมีแนวโน้มผลประกอบการโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ จำนวน 7 หลักทรัพย์ ดังนี้

1.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 1.45 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 6.15 พันล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.14 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 22 ก.พ. 65 และกำหนดจ่ายปันผล 22 เม.ย. 65

ด้าน บล.ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5 บาท พร้อมคงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ระดับ 7.4 พันล้านบาท ลดลง 49% จากปีก่อน เนื่องจากในปี 64 มีกำไรจากสต็อกน้ำมันสูง 1.3 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะกำไรปกติ ปี 65 จะมีการเติบโต 100% เทียบกับปีก่อน จากธุรกิจโรงกลั่นที่ฟื้นตัวได้ดี

2.บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 4.47 พันล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 1.29 พันล้านบาท พร้อมปันผลเป็นเงินสด 0.50 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 ก.พ. 65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 11 มี.ค. 65

ด้านบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ขึ้น 40-45% ตามลำดับ โดยหลักๆ มาจากฐานค่าระวางที่คาดจะยืนได้สูงกว่าสมมติฐานก่อนหน้า 15.5%

3.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 1.25 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 3.30 พันล้านบาท พร้อมปันผลเป็นเงินสด 2 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 มี.ค. 65 และกำหนดจ่ายปันผล 25 เม.ย. 65

ด้าน บล.ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท โดยมองว่าแนวโน้มค่าการกลั่นจะฟื้นตัวแรงกว่าคาด และการเปิดเดินทางในหลายประเทศเริ่มกลับมาใกล้ระดับปกติ

4.บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 1.58 พันล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 527.49 ล้านบาท พร้อมปันผลเงินสด 0.60 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 เม.ย. 65 และกำหนดจ่ายปันผล 6 พ.ค. 65

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26.75 บาท คาดผลประกอบการไตรมาส 1/65 จะดีขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อน พร้อมคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน นับตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป พร้อมคงประมาณการกำไรหลักปี 2565F-2566F เอาไว้ตามเดิมที่ 588 ล้านบาท – 1.2 พันล้านบาท

5.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 7.62 พันล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 6.96 พันล้านบาท พร้อมปันผลเป็นเงินสด 1.00 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 มี.ค. 65 และกำหนดจ่ายปันผล 22 เม.ย. 65

ด้าน บล.ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/65 จะยังโตจากไตรมาสก่อน จากธุรกิจโรงกลั่นที่มีส่วนต่างราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น และธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่ได้ประโยชน์จากลดภาษีน้ำมันจะช่วยให้บริษัทมีค่าการตลาด ที่ปรับดีขึ้น ทั้งนี้ปรับประมาณการปี 65 เป็น 5 พันล้านบาท จากแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด โดยปรับสมมติฐานค่าการกลั่นขึ้นเป็น USD7/bbl (เดิม USD5/bbl)

6.บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 761.65 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 214.25 ล้านบาท

ด้าน บล.เคทีบีเอสที จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท คงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ 863 ล้านบาท (+ 14% จากปีก่อน) หนุนโดยรายได้โฆษณาที่ฟื้นตัว จาก COVID-19 คลี่คลายเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้กลุ่ม FMCG ใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น และรายได้ copyrights & sales of goods ขยายตัว จาก GCL และ digital revenue ที่ขยายตัว ทั้งนี้มองว่าจากสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่แนวโน้มกำไรปีนี้จะดีกว่าคาด

7.บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานผลประกอบการงวดปี 64 พลิกมีกำไร 4.74 พันล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 6 พันล้านบาท พร้อมเตรียมปันผลเป็นเงินสด 0.1785 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 7 มี.ค. 65 และกำหนดจ่ายปันผล 6 พ.ค. 65

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท โดยเชื่อว่าตลาดกังวลประเด็นน้ำมันรั่วมากเกินไป SPRC มีประกันครอบคลุมทั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน, การหยุดชะงักทางธุรกิจ, ประกับขนส่งสินค้าทางทะเล, และประกัน ภัยรับผิดต่อบุคคลภายนอก (มากถึง US$100m) โดยราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยอ้างอิง PBV ปี 65 ที่ 1.5 เท่า เทียบเท่า PE ที่  9.4 เท่า

Back to top button