โบรกคาดรายได้-กำไร PYLON ปี 65 ฟื้นตัวแกร่ง ลุ้นรับงานใหม่หนุนแบ็คล็อก ชูเป้า 5.80 บ.
โบรกคาดรายได้-กำไร PYLON ปี 65 โตเด่น สะท้อนการรับงานใหม่มากกว่าคาด -แบ็คล็อกหนุน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.80 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.พ. 2565) ว่า บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON รายงานรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 เป็นไปตามคาดที่ 17 ล้านบาท ฟื้นตัวจากฐานต่ำในไตรมาส 3/2564 ที่ 3 แสนบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ แต่เทียบกับไตรมาส 4/2563 ลดลง 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามทิศทางของรายได้ก่อสร้างทำได้ 245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาสก่อน หลังกลับมาก่อสร้างได้ตามปกติ แต่ลดลง 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณงานในตลาดที่หดตัวจากความกังวล COVID และเป็นช่วงส่งมอบงานระหว่างทำ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.70% ดีขึ้นจาก 6.10% ในไตรมาส 3/2564 แต่ปรับลดจาก 20.80% ในไตรมาส 4/2563 กดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้จบปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 40 ล้านบาท ลดลง 78% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากทั้งการลดลงของรายได้ก่อสร้างและอัตรากำไรขั้นต้น
ส่วนงานในมือ ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1.45 พันล้านบาท หลักๆมาจาก 3 โครงการใหญ่ รวมมูลค่า 1.20 พันล้านบาท ซึ่งเริ่มงานพร้อมกันตั้งแต่เดือนก.พ.-มี.ค.นี้ ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการเอกชนขนาดใหญ่ และทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ทำให้ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าอัตราการใช้เครื่องจักรจะเร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่กลางเดือนก.พ. และใช้เต็มกาลังที่ 25 ชุดในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ก่อนส่งมอบงานทั้งหมดในเดือนส.ค.
สำหรับไตรมาส 4/2565 คาดหวังรายได้มาจากงานใหม่ที่มีโอกาสรับเข้ามาเติม อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, ทางยกระดับ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัว ขณะที่สถานการณ์แรงงานยังไม่น่ากังวลเนื่องจากยังเพียงพอกับปริมาณงานในมือ และมีศักยภาพในการหาเพิ่มหากรับงานใหม่ ส่วนความผันผวนราคาวัสดุก่อสร้างคาดกระทบจำกัด เนื่องจากเป็นงานระยะสั้นและล็อกราคาทันทีเมื่อรับงาน
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 22% เป็น 173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 336% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการรับงานใหม่มากกว่าคาด โดยปรับรายได้ขึ้น 21% เป็น 1.56 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 98% จากงวดเดียวกันของปีก่อน บน Backlog ปัจจุบันรองรับแล้ว 94% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคงประเมินแบบระมัดระวังที่ 18% แม้ขยับขึ้นจาก 14% ในปี 2564 แต่ยังไม่กลับไปเท่ากับระดับในอดีตที่ 23-26% เนื่องจากสภาพการแข่งขันในตลาดยังสูง
ขณะที่ปรับเพิ่ม Target ค่า PBV เป็น 4 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง สะท้อนการใช้เครื่องจักรที่กลับไปเท่ากับระดับสูงสุดในปี 2561-2562 ทำให้ราคาเหมาะสมปี 2565 ปรับขึ้นจากเดิม 4.70 บาท เป็น 5.80 บาท ซึ่ง Implied ค่าPE ปี 2565 ที่ 25 เท่า ใกล้เคียงปี 2561 โดยปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” จาก Upside ที่เปิดกว้างขึ้น รวมถึงผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ยืนยันภาพการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 และปรับตัวดีขึ้นชัดเจนในปี 2565 โดยประเมินผลประกอบการรายไตรมาสจะเติบโตจกงวดเดียวกันของปีก่อนและเด่นที่สุดในช่วงไตรมาส 2/2565 ทั้งนี้ บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 ที่ 0.06 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 1.2% ขึ้น XD วันที่ 18 มี.ค. และจ่ายปันผล 23 พ.ค. 2565