RATCH กางไทม์ไลน์ COD โรงไฟฟ้า 6 โครงการ 1.29 พันเมกฯ วางงบ 3 หมื่นลบ. เจรจา 5 ดีล M&A

RATCH กางไทม์ไลน์ COD โรงไฟฟ้า 6 โครงการ กำลังผลิตรวม 1,290.69MW หนุน EBITDA เพิ่ม 2.5-3 พันลบ. วางงบลทุน 3 หมื่นลบ. เดินหน้าเจรจาซื้อกิจการ (M&A) จำนวน 5 ดีล ชัดเจนภายในปีนี้ หวังเพิ่มกำลังผลิตอีก 700MW คาดเริ่มนำเข้า LNG ล็อตแรกก.ย.66


นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปี 2565 กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเพิ่มขึ้น 2,500-3,000 ล้านบาท เนื่องจากเตรียมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิต 1,290.69 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย

โรงไฟฟ้าสหโคเจนชลบุรี และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่ม รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 124.95 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51.67%) ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าและไอน้ำและการให้บริการตั้งแต่ม.ค.2565

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตัน อินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 930.78 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 45.52%) โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไร ภายหลังธุรกรรมการซื้อหุ้นเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนมิ.ย.2565

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 145.15 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) คาดเริ่มรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไร ตั้งแต่เดือนก.พ.2565

โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน เวียดนาม กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 15.16 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51%) คาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไร ตั้งแต่เดือนมิ.ย.2565

โรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่นส่วนขยาย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 31.19 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 99.97%) คาดเริ่มรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าและไอน้ำและการให้บริการ ก.ย.2565เป็นต้นไป

โรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช ระยอง กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 45.08 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) คาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรในเดือนเม.ย.2565

นอกจากนี้ธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า (Non-Power Business) บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 10% ในบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกกอกโมโนเรล จำกัด ที่คาดจะเปิดให้บริการ (บางส่วน) รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง เดือนส.ค.2565 และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง สปป.ลาว (บริษัทถือหุ้น 25%) มีกำหนดการผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4/2565

ขณะที่ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 30,000 ล้านบาทใช้ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า 93% และธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า 7% โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ปีนี้ราว 700 เมกะวัตต์ มาอยู่ที่ 9,815 เมกะวัตต์ จากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าประเภท Renewable ไม่ว่าจะเป็น ลม โซลาร์ หรือจีโอเทอร์มอล โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา 5 ดีล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ รวมไปถึงการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ

ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มการลงทุนกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนปีละ 250 เมกะวัตต์ และจะต้องเพิ่มขึ้นให้ถึง 2,500 เมกะวัตต์ในปี 68 และ 4,000 เมกะวัตต์ในปี 78 เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ 10 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ตามลำดับ กอปรกับแผนการปลูกและอนุรักษ์ป่าไม้ที่จะดำเนินการตั้งแต่ปี 65-77 พื้นที่รวม 50,000 ไร่ คาดว่าจะช่วยดูดกลับก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 670,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ในปี 2565 บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์ 3-G (Growth, Green, Generate Strategy) เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดย G-1 มุ่งเน้นแสวงหาโอกาสเติบโตเพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่ากิจการเพิ่มในอนาคต G-2 สนับสนุนพลังงานทดแทน และยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ G-3 เน้นเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและความเป็นเลิศขององค์กร

นอกเหนือจากเป้าหมายการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จแล้ว บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะยกระดับการจัดการประเด็นด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งได้วาง 6 แนวทางในการดำเนินงาน นับตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนต่อเนื่องทุกปี การกระจายการลงทุนในธุรกิจคาร์บอนต่ำ การเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและพลังงาน การปลูกป่าเพื่อสร้างแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งกำหนดสัดส่วนประเภทเชื้อเพลิงสำหรับการลงทุน และจำกัดเพดานการลงทุนเชื้อเพลิงถ่านหิน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า แนวทางดังกล่าวนี้จะช่วยจำกัดและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง” นางสาวชูศรี กล่าว

ส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าล็อตแรกจะเริ่มนำเข้าได้ในช่วงเดือนก.ย.2566 เพื่อนำมาทดสอบระบบโรงไฟฟ้า มองว่าการเจรจาน่าจะทำได้ตามแผนและปัจจุบันไม่ได้ติดขัดขั้นตอนใดๆ ขณะที่คาดว่าโรงไฟฟ้าหินกองจะเริ่ม COD ได้ภายในปี 2567-2568

Back to top button