PEACE โชว์ผลงานปี 64 “ออลไทม์ไฮ” กวาดรายได้ 1.16 พันลบ. กำไรโต 61% แจกปันผลหุ้น-เงินสด
PEACE โชว์ผลงานปี 64 “ออลไทม์ไฮ” กวาดรายได้ 1.16 พันลบ. กำไรโต 61% ตอกย้ำผู้พัฒนาอสังหาฯ แนวราบ พร้อมแจกปันผลเป็นหุ้น 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงิน 0.20 บ./หุ้น ขึ้น XD 15 มี.ค. กำหนดจ่าย 19 พ.ค.65
นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ทำผลการดำเนินงานปี 2564 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) โดยมีรายได้รวม 1,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.62% และมีกำไรสุทธิ 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งยัง รักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ 38.96% นับเป็นการทำผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการทยอยรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ ที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ ทั้ง 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,700 ล้านบาท เช่น โครงการ Cher งามวงศ์วาน – ประชาชื่น, โครงการ Cher สุขสวัสดิ์ – พุทธบูชา, โครงการ Cordiz อุดมสุข และโครงการ The Glamor เป็นต้น
ทั้งนี้โครงการของ PEACE ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ตรงกับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในตลาด จึงตั้งราคาขายของโครงการ ให้สอดคล้องความต้องการซื้อและกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดย ณ สิ้นปี 2564 มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) 779 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้
“ผลการดำเนินงานปี 2564 นับเป็นการทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา ทั้งรายได้จากการขายและกำไรสุทธิ ซึ่งมาจากการแผนการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 7 โครงการ ภายใต้แบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก ทั้ง The Glamor, Cordiz และ Cher ที่เป็นฮีโร่โปรดักส์ ทำให้สะท้อนมาเป็นผลการดำเนินงาน ที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” นายประสพศักดิ์ กล่าว
โดยหลังจาก PEACE เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเพื่อตอกย้ำเป็นหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่ดีเพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 เป็นหุ้นปันผลในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท* โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 15 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565
สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองบ้าน-คอนโดเหลือ 0.01% รวมถึงมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) ผ่อนคลายมาตรการ LTV สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็น 100% จนถึงสิ้นปี 2565 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์คึกคักมากขึ้นและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ฟื้นตัวเร็วมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของ PEACE ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งฐานลูกค้าเป็นกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือ Real Demand
อีกทั้งยังมีกำลังซื้อสูงและมองหาโอกาสซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบ หลังพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับรูปแบบโครงการให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุค New Normal ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยรองรับการใช้ชีวิตและมีพื้นที่สีเขียวในการผ่อนคลาย มีพื้นที่ทำกิจกรรมภายในครอบครัว ตอบสนองความต้องการคนในครอบครัวได้หลากหลายรูปแบบทั้งการ Work from Home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าและเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการเติบโตรายได้ขายภายในปี 2567 เพิ่มเป็น 2 เท่า และเติบโตเป็น 3 เท่า ภายในปี 2569 โดยบริษัทฯ มีความพร้อมด้านบุคลากรและฐานเงินทุนที่แข็งแรง ช่วยเพิ่มโอกาสพัฒนาโครงการสอดรับกับเรียลดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ได้เตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,045 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดการขายตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 ประกอบด้วย 1.โครงการ Cherene กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เป็นบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการประมาณ 648 ล้านบาท 2.โครงการ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์ – เจษฎาบดินทร์ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 2 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 1,845 ล้านบาท และ 3.โครงการ Cher ราชพฤกษ์ – พระราม 5 เป็นทาวน์โฮม 2 – 3 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 552 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบัน PEACE อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อจัดซื้อที่ดินใหม่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยวางงบไว้ราว 1,200-1,500 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาโครงการใหม่ และสามารถรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต