III รุกหนักโลจิสติกส์อาเซียน ตั้งเป้ากำไรปี 65 โต 20% ดัน “ANI” เข้าตลาดปีนี้
III ตั้งเป้ากำไรปี 65 โต 20% สู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค เล็งดัน “บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” เข้าตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ เพื่อโอกาสด้านธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีการขยายตัว ได้ร่วมมือกับ SABUY พัฒนาธุรกิจ ShipSmile และจับมือพันธมิตรผู้ให้บริการ Delivery ทุกค่าย
นายวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายในปี 2565 จะผลักดันธุรกิจสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยนำร่องจากการแยกบริษัทลูกคือ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ANI นำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาสู่การเป็นกลุ่มตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค เพื่อให้สอดรับกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาค (Regional Logistics Player) และตั้งเป้ากำไรเติบโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน
โดยปัจจุบัน ANI มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และมีสำนักงานครอบคลุมทั้ง 5 ประเทศคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ เวียดนาม พม่า และกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานการผลิตและการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติ สร้างสัดส่วนผลประกอบการ 70% จากต่างประเทศ และมีการเติบโตชัดเจน จึงมีศักยภาพที่จะสร้างความเติบโตในฐานะบริษัทระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมในปีนี้
“ผลประกอบการด้านการขนส่งทางอากาศทั้งของเราและภูมิภาคยังเติบโตสูง แต่ยังมีปัญหาในส่วนของรัฐเซียยูเครนเป็นปัจจัยทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจสายการบินเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นเราเห็นโอกาสเติบโต จึงเป็นจังหวะที่ดีในการที่จะนำ ANI เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนเพื่อนำมาขยายธุรกิจต่อเนื่องในภูมิภาค และเตรียมความพร้อมเป็นตัวแทนสายการบินต่างๆ จากปัจจุบันเรามีอยู่กว่า 20 สายการบินที่เราเป็นตัวแทนในระดับภูมิภาค” นายวิรัช กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมขยายธุรกิจเพิ่มเติมในส่วนของการขนส่งทางราง (Rail Freight) โดยจะพัฒนาเป็นการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างประเทศได้ภายในไตรมาส 2/2565 โดยรุกจากเส้นทางรถไฟสายจีน-สปป.ลาว ที่เริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชื่อมต่อสำคัญภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI)
ทั้งนี้มองว่าการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งส่วนของการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ รวมถึงการขนส่งสินค้าทางบก การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนแบบ Multimodal ขนสินค้าเชื่อมโยงระหว่างจีนกับอาเซียน
“นี่คือ 2 โครงการหลักๆ ของปีนี้ที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายการเติบโตของ III เป็นการพัฒนารูปแบบโลจิสติกส์ใหม่ๆ ไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจที่ทำอยู่ปัจจุบัน โดยมีการขยายผลิตภัณฑ์โลจิสติกส์ใน segment ใหม่ๆ” นายวิรัช กล่าว
โดยจากการคาดการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย มองแนวโน้มการเติบโตทั้งการขนส่งสินค้าทางอากาศและการขนส่งสินค้าทางทะเลในปี 2565 ว่ายังมีทิศทางที่ดี โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 3.4 และคาดว่าการส่งออกของไทยจะมีการขยายตัวที่ร้อยละ 3.0-4.0 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับมาภายหลังการเปิดประเทศ
สำหรับในปี 2565 ทาง III ยังมองถึงโอกาสด้านธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ สำหรับลูกค้ากลุ่มอี-คอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ และ Domestic Delivery ที่มีการขยายตัว โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY พัฒนาธุรกิจให้ ShipSmile และจับมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการ Delivery ทุกค่าย และยังมีการเพิ่มบริการอื่นๆ เป็นให้เป็นศูนย์รวมระบบแฟรนไชส์ ทั้งจุดรับส่งพัสดุ และบริการรูปแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสอื่นๆ ปัจจุบันมีจำนวนสาขาประมาณ 5,000 สาขา และตั้งเป้าหมายครบ 9,000 สาขาในปีนี้
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New high) ติดต่อกันทุกไตรมาสตลอดทั้งปี โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,939.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 82.9 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 377.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 132.2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 162.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นความสำเร็จที่มาจากการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่หลากหลาย การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ