RS เคาะปันผล 0.35 บ. มั่นใจปี 65 โมเดล “Entertainmerce” โตกระโดด รายได้นิวไฮ 5.1 พันลบ.
RS เคาะปันผล 0.35 บ. มั่นใจปี 65 โมเดล Entertainmerce โตกระโดด สร้างรายได้นิวไฮ 5.1 พันลบ. จาก Ecosystem ที่แข็งแกร่งตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ปี 2564 นับเป็นอีกปีที่ท้าทายของหลายๆ ธุรกิจ เพราะโควิด-19 ยังรุนแรงและส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แต่ด้วยโครงสร้างขององค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับตัวตลอดเวลา ทำให้ปี 2565 จะเป็นปีที่ดีของ อาร์เอส เพราะในปี 2564 ที่ผ่านมาได้ดำเนินแผนการขยายธุรกิจ และพัฒนาไปหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมด้านสุขภาพหลากหลายประเภท
รวมถึงสินค้าเพื่อสุขภาพที่มาจากสารสกัดเมล็ดกัญชง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจน และอาหารเสริมมัลติ ออยล์ พลัส น้ำมันเมล็ดกัญชง แบรนด์ well u, เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงค์ แบรนด์ CAMU C ที่มีวิตามินซีสูง 200% และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง แบรนด์ Lifemate พร้อมมุ่งเน้นขยายช่องทางออนไลน์ทั้งธุรกิจคอมเมิร์ซและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ให้สอดรับกับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal ส่วนในแง่ของธุรกิจสื่อและบันเทิง อาร์เอส กรุ๊ป เอง ได้สร้าง Popcoin ซึ่งเป็นสมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม เข้ามาช่วยยกระดับการทำงาน สร้างโอกาสทางการตลาด และมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้ผลิตคอนเทนต์ สปอนเซอร์ และผู้บริโภค
ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน RS เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงตลอดปี 2564 ทำให้อาร์เอส กรุ๊ป ต้องมีการปรับกลยุทธ์และการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้รายได้รวมจากการขายและบริการอยู่ที่ 3,573 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 127 ล้านบาท แม้รายได้ในปี 2564 ของอาร์เอส กรุ๊ป อ่อนตัวลง แต่จะเป็นในระยะสั้น ด้วยปัจจัย 2 ประการ ดังนี้ 1) ปัจจัยลบภายนอกที่ส่งผลกระทบในระยะสั้น เช่น กำลังซื้อที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 อุตสาหกรรมโฆษณาที่หดตัวจากพิษเศรษฐกิจ และการออกมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น การห้ามจัดงานอีเว้นท์หรือคอนเสิร์ตขนาดใหญ่
2) การที่ อาร์เอส กรุ๊ป ได้ลงทุนพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงการทำ M&A เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจของไทยจะกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย และจะเติบโตจากการลงทุนในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัท มีมติอนุมัติประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น และกำหนดจ่ายเงินปันผลในเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย ยังกล่าวอีกว่า การเตรียมความพร้อมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และแบรนด์จากปีที่ผ่านมา จะเป็นฐานให้บริษัทฯ ใช้สร้างยอดขายและพัฒนาสินค้า SKUs ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์เดิม โดยในปีนี้ ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป มีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 28 SKUs ซึ่งรวมถึงสินค้าจากสารสกัดเมล็ดกัญชงและ CBD ที่บริษัทฯ เป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้ จะช่วยให้ธุรกิจคอมเมิร์ซสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จะสร้างรายได้จากการพัฒนาคอนเทนต์รูปแบบใหม่ในช่องทางออนไลน์ และจากการเข้าสู่ตลาด NFT รวมไปถึงรายได้จากกิจกรรมและคอนเสิร์ตที่จะกลับมา โดยจะมี Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ลงทะเบียนเป็น Popster มากกว่า 7 แสนราย และแบรนด์ต่างๆ เริ่มมีการนำ Popcoin ไปใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแล้ว นับเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ รวมไปถึงการเข้าซื้อธุรกิจขายตรง ยูไลฟ์ จากยูนิลีเวอร์ ที่มีศักยภาพที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม และเครือข่าย Business partner ที่แข็งแกร่งกว่า 150,000 ราย
โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ปีแรกประมาณ 900 ล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะผลักดันและสร้างการเติบโตอย่างเต็มที่เพื่อให้ ยูไลฟ์ ก้าวขึ้นเป็นบริษัทขายตรงอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศภายในปี 2567 ซึ่งการเข้ามาเสริมทัพด้วย ยูไลฟ์ จะส่งเสริมให้โมเดลธุรกิจคอมเมิร์ซของ อาร์เอส กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นเป็น Lifestyle Wellbeing Solution เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอน พร้อมช่วยสร้างการ synergy ภายในกลุ่มธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า และทำให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และจะสามารถสร้างผลงาน New High ตามเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ที่ 5,100 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน