PROS ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 15% ตุน “แบ็คล็อก” แน่น 2.2 พันลบ.

PROS ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 15% ตุนแบ็คล็อกแน่น 2.2 พันลบ. กระจายกลุ่มลูกค้า และขยายสัดส่วนไปรับงานภาครัฐมากขึ้น 40% และเอกชน 60% หลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ทั้งนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 12 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยี


นายพงศ์เทพ รัตนแสงสรวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2564 มีรายได้รวมจำนวน 1,029.69 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 939.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.65 ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 36.68 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48.76 ล้านบาท

ทั้งนี้ สาเหตุมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุนค่าวัสดุอุปกรณ์ตามราคาเหล็กและทองแดงในตลาดโลก และการขาดแคลนแรงงานของผู้รับเหมาช่วง จากผลกระทบของการเกิดโรคระบาด COVID-19  ปัจจุบันบริษัทต้องเร่งส่งมอบงานให้กับลูกค้าภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 หลายโครงการ โดยเป็นงานในมือที่ค้างมาจากปี 2564 เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่มีการระบาดหลายระลอก ส่งผลให้ต้องปิดไซต์ก่อสร้าง ทำให้เกิดปัญหาการส่งมอบงานล่าช้า

ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทยังเดินหน้ายื่นประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นงานของกลุ่มห้างสรรพสินค้า (Modern Trade) ห้างค้าปลีก (Department Store) สำนักงาน คอนโดมิเนียม และได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรในการประมูลงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ส่วนของงานภาครัฐ บริษัทกำลังเข้ายื่นประมูลในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมกับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนกลุ่มงานโรงพยาบาล ยังมีโอกาสเข้าประมูลอย่างต่อเนื่อง ส่วนงานอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ยังมีการขยายตัวจากแผนการลงทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยประเมินว่าเป้าหมายปีนี้ สัดส่วนงานภาครัฐปีนี้จะอยู่ที่ 40% และเอกชน 60% จากเดิมงานภาครัฐอยู่ที่ 30% และงานเอกชน 70%

ส่วนความท้าทายของบริษัทในปีนี้ คือเรื่องสถานการณ์ของการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งยอมรับว่าได้รับผลกระทบอยู่บ้าง เนื่องจากธุรกิจของ PROS ต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญในงานระบบวิศวกรรม แต่ทั้งนี้ทีมบริหารได้วางกลยุทธ์ ที่จะอบรมให้ความรู้และพัฒนาบุคลากรภายใน เพื่อรองรับงานในอนาคตมากขึ้น รวมถึงการจัดหาแรงงานต่างชาติเพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนในระยะยาว

อย่างไรก็ตามในส่วนของค่าวัสดุอุปกรณ์ เช่น ราคา PVC ทองแดง เหล็ก เป็นต้น มีการปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ทำให้ต้นทุนโครงการสูงขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทได้มีการจัดหาซัพพลายเออร์เพิ่ม มีการเจรจาต่อรองสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับแผนธุรกิจปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน กลยุทธ์การเติบโตของบริษัท มีจุดแข็งคือการกระจายกลุ่มลูกค้า การรับงานตรงจากลูกค้าโดยเลือกลูกค้าที่มีฐานะการเงินมั่นคง และขยายสัดส่วนไปรับงานภาครัฐมากขึ้น รวมทั้งเลือกรับงานในกลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นงานระยะสั้น เพราะว่าได้เงินเร็วและสามารถควบคุมต้นทุนจากความผันผวนของราคาสินค้าได้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือราว 2,200 ล้านบาท

ภาพรวมธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวขึ้นจากปีก่อน โดยมองว่าหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ซึ่งภาคเอกชนเริ่มทยอยเปิดตัวงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก ที่เลื่อนแผนมาจากปี 2564 เนื่องจากสถานการณ์โควิด จะเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินกิจการของบริษัท” นายพงศ์เทพ กล่าว

ด้านแผนการลงทุนปีนี้ บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 12 ล้านบาท ใช้สำหรับซื้อเครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการงานหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นและตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูงถึง 91 % จากนโยบายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล

โดยจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวด 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 โดยยังเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวด 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 16.20 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 11 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565

Back to top button