SENA มั่นใจยอดขายปี 65 โต 1.4 หมื่นลบ. หลังควบ JSP หนุนโครงการพร้อมขายเฉียด 5.3 หมื่นลบ.

SENA วางเป้ายอดขายปี 65 โตแตะ 1.4 หมื่นลบ. หลังเข้าเทค JSP หนุนแบ็คล็อกรวม 90 โครงการ มูลค่ารวม 5.2 หมื่นลบ.พร้อมทรานส์ฟอร์มใหญ่แตกไลน์ธุรกิจ สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน


นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ประกาศแผนธุรกิจทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ สู่ SENA Next ครอบคลุม 3 เรื่องหลัก Next EXPANSION – Next ERA – Next LEVEL พร้อมเปิดโมเดลธุรกิจใหม่รูปแบบการสร้างรายได้ประจำที่จะหาพาร์ทเนอร์มืออาชีพมาร่วมผลักดันบริษัทในเครือให้แข็งแกร่งขยายการเติบโตสู่ความยั่งยืน

โดยในปี 2565 ถือเป็นปีแห่งการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ของ SENA ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญภายใต้กลยุทธ์ SENA Next มิติใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตอกย้ำแนวคิด Made From Her คิดละเอียดกว่า ก็อยู่สบายกว่า โดยมี 3 เรื่องหลัก ดังนี้

1.Next Expansion: สำหรับแผนปี 2565 บริษัทจะมีโครงการใหม่ 49 โครงการ 27,480 ล้านบาท

2.Next ERA: เฟ้นหาพันธมิตร (Partnership) เพื่อขยายโอกาสในธุรกิจใหม่ (New Business)

3.Next Level : การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

สำหรับการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ผ่านมา บริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ซึ่งยังคงมอบความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการร่วมมือกันพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มีแผนจะพัฒนาโครงการร่วมกันทั้งแนวราบ และแนวสูง 19 โครงการ รวมมูลค่า 13,900 ล้านบาท รวมถึงฮันคิวฯ อาจจะมีการร่วมลงทุนไปยังทำเลที่ JSP เปิดโครงการใหม่ๆ ในอนาคตด้วย เช่น ในพื้นที่กัลปพฤกษ์ บางใหญ่-บางบัวทอง จ.ฉะเชิงเทรา และศรีราชา เป็นต้น

ขณะที่การขยายธุรกิจใหม่ๆ ในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสและธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตต่อเนื่อง เบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ 1,000 บาท ซึ่งจะเห็นการประกาศร่วมทุน หรือการลงทุนออกมาต่อเนื่อง โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตในบริษัทลูก แบ่งได้ดังนี้

1.POWER CASH ธุรกิจบริการสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียม

2.SK ASSET MANAGEMENT ธุรกิจจัดหาและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้มีมูลค่าสูงสุดสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีธรรมาภิบาล

3.SENA WELLNESS ธุรกิจบริการด้านการดูแลป้องกันและฟื้นฟูสุขกาพ SENA จับมือทีมแพทย์ผู้ชำนาญการจัดตั้งภายใต้ Brand “SENA HEALTHCARE” ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้มากขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการ และมั่นคง

4.The Service Residence ธุรกิจเรื่อง Investment Property Program (IP) และ Service Apartment

5.SENA WAREHOUSE ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าพร้อมช่วยบริหารจัดการแบบครบวงจรสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของกลุ่มลูกค้าได้ดี โดยจะเห็นการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรในปีนี้ เพื่อมุ่งสร้างฐานรายได้ประจำ

6.S | FINANCIAL SERVICE ธุรกิจให้บริการทางการเงิน เพื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถมีบ้านอย่างปรารถนา ที่จะร่วมมือกับพันธมิตรบริษัท IT และผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ระดับประเทศ เบื้องต้นจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2/65

ทั้งนี้ในอนาคตบริษัทลูกต่างๆ ที่อยู่ในเครือจะช่วยให้ SENA มีความแข็งแกร่งมากขึ้นและหากบริษัทไหนที่มีการเติบโตสูงและมีขนาดบริษัทที่สามารถเข้าตลาดทุนได้ ก็จะดำเนินการตามแผนระยะยาว เพื่อ Spin-off บริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2565 เติบโตแตะ 13,979 ล้านบาท และยอดโอน 12,186 ล้านบาท หลังจากการควบรวมกิจการ บริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 41 โครงการ มูลค่ารวม 25,137 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 27 โครงการ และแนวราบ 14 โครงการ

ทั้งนี้ บริษัทแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มในปี 2565 อีก 49 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,480 ล้านบาท โดยจะเป็นคอนโดมิเนียม 21 โครงการ และแนวราบ 28 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ SENA มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายในมือเพิ่มเป็น 90 โครงการ รวมมูลค่า 52,617 ล้านบาท

“นี่คือนิวไฮของบริษัทฯ ทั้งในแง่ของ EXISTING PROJECTS และ NEW PROJECTS หลังซื้อ JSP ซึ่งส่งผลให้เราได้แนวราบเข้ามาทันที และอยู่ในโลเคชั่นที่เราไม่มีด้วย ดั้งนั้น จึงเป็น Strategic Acquisition ทำให้เรามีโครงการเข้ามาเพิ่มจำนวน 25 โครงการ มูลค่ารวม 8,980 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการของเสนาที่มีอยู่ 65 โครงการ มูลค่ารวม 43,637 โครงการ ก็จะทำให้เสนามีโครงการรวมทั้งสิ้น 90 โครงการ โดยเรามีเป้าหมายยอดขาย เฉพาะของเสนา จำนวน 11,563 ล้านบาท และยอดโอน 10,240 ล้านบาท ส่วนของ JSP วางเป้ายอดขายไว้ที่ 2,416 ล้านบาท และยอดโอน 1,946 ล้านบาท” น.ส.เกษรา กล่าว

นอกจากนี้ ยอดขาย 13,979 ล้านบาท จะแบ่งออกเป็น คอนโดมิเนียม จำนวน 6,199 ล้านบาท คอนโดมิเนียมต่ำกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 3,614 ล้านบาท และแนวราบ 4,166 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอน แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม จำนวน 6,713 ล้านบาท คอนโดมิเนียมต่ำกว่า 1 ล้านบาท 1,681 ล้านบาท และแนวราบ 3,793 ล้านบาท

Back to top button