NRF วางเป้ารายได้ปี 65 โต 70% กางแผนธุรกิจสู่ “คลีนฟู้ดเทค” ระดับโลก

NRF วางเป้ารายได้ปี 65 โต 70% รับปัจจัยหนุนจากทุกธุรกิจ-รุก M&A ต่อเนื่อง 5-7 ดีล ตั้งงบลงทุนราว 2,080 ลบ. รองรับธุรกิจ E-commerce เผยกลยุทธ์สู่ “บริษัทคลีนฟู้ดเทคระดับโลก” มุ่งแก้ปัญหาภาวะโลกรวน ตอกย้ำจุดยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


นาย แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า จากภาวะโลกรวนนั้นส่งผลกระทบกับการดำรงชีวิตของพวกเราทุกคนอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่าในแต่ละปีนั้น เราจะเห็นปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ได้กลายเป็นตัวการอันดับต้นๆ ของอันตรายต่อ สุขภาพของคนไทย โดยที่ตัวการใหญ่ของปัญหานี้คือ อุตสาหกรรมการผลิตอาหารที่ปล่อย มลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมมากถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด ในประเทศไทยเองนั้น เราต้องจัดการกับปัญหาขยะมูลฝอย จากการเกษตรมากถึง 17 ล้านตันทุกๆ ปี

ด้วยเหตุนี้จึงร่วมมือกันในทุกภาคส่วนขององค์กรและวางแผน การดำเนินงานของปี 2022 นี้ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จในการกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจนเหลือศูนย์ ซึ่งรวมไปถึงการตั้งเป้าผลการดำเนินงานในแต่ละระยะ เพื่อผลักดันให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้มากที่สุด และรวดเร็วที่สุด

สำหรับห่วงโซ่คุณค่าของการกำจัดคาร์บอนจนเหลือศูนย์ของ NRF นั้นเริ่มจาก การนำเอาขยะมูลฝอยในภาคการเกษตร หรือมวลชีวภาพ (Biomass) มาผลิตเป็นไบโอ-ออยล์ และถ่านชีวภาพ หลังจากนั้น NRF ก็จะนำถ่านชีวภาพเหล่านั้นเข้าไปใช้ในห่วงโซ่อุปทาน และกระบวนการผลิต เพื่อลดคาร์บอนออฟเซ็ต และเพิ่มคาร์บอนเครดิต เหล่านี้ถือเป็นกระบวนการต้นน้ำของการกำจัดคอร์บอน

นอกจากนี้ NRF ยังร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรเพื่อผลักดันให้ปลูกพืชผล และผลิตโปรตีนในกระบวน การแบบยั่งยืน โดยเครือข่ายโรงงานในแต่ละภูมิภาคนั้น ก็สามารถกระจายสินค้าได้แบบปลอดภาษี ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์สามารถเข้าถึงสินค้าที่ผลิตโดยแบรนด์ในกลุ่ม NRF และผลิตจากโรงงานของ NRF ได้อย่างทั่วถึง ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ

“เราไม่เพียงแค่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้โดยเร็วเท่านั้น แต่เรายังสร้างทีมที่เฟ้นเอา บุคลากรคุณภาพจากทั่วโลก อันประกอบไปด้วย วิศวกรสิ่งแวดล้อม นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญ ด้านตลาดคาร์บอนมาคอยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบบนเส้นทางของเราในครั้งนี้ ด้วยทีมที่แข็งแกร่งนี้ทำให้เรายังครองความเป็นผู้นำของตลาดที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสร้างคุณค่าอย่างมหาศาลให้กับทั้ง NRF บรรดาพันธมิตรของเรา รวมไปถึงผู้บริโภคด้วย” นายแดน กล่าว

โดยในปี 2565 นี้ ทาง NRF วางแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตอาหารที่ปล่อยมลพิษเป็นลบทั้งในประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มาจากพืชนั้นเพิ่มขึ้น 20% สร้างกระแสเงินหมุนเวียนขององค์กรที่มากขึ้น

โดยการก้าวสู่การเป็นบริษัทคลีนฟู้ดเทคนั้น ทำให้เราต้องลงมือทำในทันที เราภูมิใจกับความสำเร็จที่ผ่านมา และยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการปกป้องโลกของเรา เราต้องเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ เพื่อที่เราจะบรรลุความมุ่งมั่นนี้ได้ภายในปี พ.ศ 2593

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 50-70% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,100 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตในทุกๆ ธุรกิจ โดยในธุรกิจ E-commerce ที่มีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A) ต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการเจรจา 5-7 ดีลคาดว่าจะทยอยได้ข้อสรุปต่อเนื่องในปีนี้

ขณะเดียวกัน บริษัทมองว่าธุรกิจ E-commerce เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเป็นตลาดกลางออนไลน์ ซึ่งมีการเติบโตที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคในยุคปัจจุบันที่มีการซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการขยายตลาดผ่าน Amazon.com

สำหรับธุรกิจโปรตีนจากพืชในปี 2565 บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (NRPT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (อินโนบิก) และ บริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NRF จะมีการเปิดร้านอาหารต้นแบบที่เป็นโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) ภายใต้แบรนด์ “alt Eatery” ภายในไตรมาส 2/65 และจะเป็นผู้นำเข้าอาหาร Plant-based กลุ่ม Start up จากต่างประเทศในช่วงกลางปี 2565

ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมลงทุนสร้างโรงงานผลิตอาหารที่ปล่อยมลพิษเป็นลบทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่าจะทำให้รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มาจากพืชเพิ่มขึ้น 20% ในปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับบริษัท แพลนแอนด์บีน ในประเทศอังกฤษ ตั้งโรงงานผลิตเนื้อที่ผลิตจากพืช (Plant-based) ด้วยนวัตกรรมขั้นสูงภายในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ภายในไตรมาส 1/66

ด้านผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานกำลังการผลิต 1,500 ตันต่อเดือน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ก่อนที่จะขยายตลาดผ่านช่องทางผู้ค้าส่งและร้านอาหารสัตว์เลี้ยงกว่า 200 แห่ง คาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้ถึง 50% ของไลน์การผลิตแรกในช่วงไตรมาส 4/65”  นายแดน กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น (Ethnic Food) จะเน้นการพัฒนาศักยภาพในการผลิต โดยเตรียมก่อสร้างโรงงานซอสแห่งใหม่ ที่คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 4/65 ซึ่งจะสร้างยอดขายให้แก่บริษัทราว 200 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้เตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆรวม 50 SKU เพื่อรองรับการขยายตลาดไปยังอังกฤษ จีน สหรัฐอเมริกาและในประเทศไทยรวมถึงการทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายและสร้างการเข้าถึงในการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังจะมีการทำแบรนด์ NRF กับ NFT ด้วย

ทั้งนี้ปี 2565-2566 บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 2,080 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนด้านธุรกิจ E-commerce ราว 70% ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช 13% ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม 4% และผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น 13%

Back to top button