ORI มั่นใจผลงานโตทุกไตรมาส ตั้งเป้าทั้งปี 65 รายได้นิวไฮ 1.75 หมื่นลบ.
ORI มั่นใจผลงานโตทุกไตรมาส เดินหน้าเปิด 31 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4.2 หมื่นลบ. วางเป้ายอดโอน 2.6 หมื่นลบ. ตั้งเป้าทั้งปี 65 รายได้นิวไฮ 1.75 หมื่นลบ. เล็งนำ 2 บริษัทฯ ย่อยเข้าตลาดปีนี้
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ได้เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 7 มี.ค.2565 ว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมรวมทั้งหมด 98 โครงการ มูลค่ารวม 146,593 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงแรมมีทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่ารวม ด้านธุรกิจบริการภายใต้แบรนด์ Primo มี 55 โครงการ
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,662 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 15,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 11,114 ล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกำไรจากโครงการภายใต้กิจการร่วมค้ามีการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2564 และการเพิ่มขึ้นจากส่วนเกินทุนจากการเปลี่ยนแปลงส่วนได้เสียในบริษัทย่อย เนื่องจากมีการ IPO ของบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ORI ได้ตามแผน ขณะที่หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.97 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 34,615 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 2565 ประมาณ 16,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2567
สำหรับแนวโน้มปี 2565 เดินหน้ากลยุทธ์ Origin Multiverse กับการเติบโตแบบพหุจักรวาล และตั้งเป้าสร้าง Market Cap ทั้งเครือรวม 100,000 ล้านบาทในปี 2568 โดยในปี 2565 บริษัทวางแผนนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ซึ่งทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ส่วนบริษัทในเครืออื่นๆ เช่น บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด เป็นต้น มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตเช่นเดียวกัน
สำหรับในปี 2565 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 42,000 ล้าน เพิ่มขึ้น 137% จากปีก่อน แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,600 ล้านบาท วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ระดับ 35,000 ล้านบาท เติบโต 16% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ขณะเดียวกันยังวางเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์รวม (รวมโครงการร่วมทุน : VJ) ไว้ที่ระดับ 26,000 ล้านบาท เติบโต 61% จากปีก่อน และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ระดับ 17,500 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อนรายได้รวมที่ 15,943 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตแบบ All Time High ในทุกด้านของการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส