KUN เดินเกมรุก ยกโมเดลสร้างเมืองสู่ “Flagship” ดันรายได้ปีนี้เพิ่ม 20%
KUN เดินเกมรุก ปักหมุดยุทธศาสตร์ใหม่ ยกโมเดลสร้างเมืองสู่ “Flagship” ดันรายได้ปีนี้เพิ่ม 15-20% พร้อมตั้งเป้ายอดขายแตะ 1.8 พันลบ.
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะแนวราบ ในปี 2565 จะเป็นปีที่ท้าทายแต่ก็จะเป็นปีที่ดีต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เพราะสินค้ายังเป็นที่ต้องการของตลาดที่สูงอยู่ และเป็น Real Demand โดยเฉพาะการที่ต้องปรับตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น เช่น การทำงานจากบ้าน, การเรียนออนไลน์ หรือการทำกิจกรรมในบ้านมากขึ้น ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมไปถึงภาพรวมของประเทศที่มีการพัฒนา Infrastructure ทางด้านการสื่อสารที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ ทำให้บ้านกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาอสังหาริมทรัพย์แนวราบมากขึ้น
อีกทั้งยังมีการส่งเสริมของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาตรการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV และรัฐบาลต่อมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนของบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จึงเป็นการส่งเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้อีก เป็นมุมมองสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีการกระตุ้นอย่างเป็นรูปธรรม และสนับสนุนนโยบายให้คนมีบ้านอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตัวเลข New High ต่อไป โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% จากปี 2564 และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ที่ 1,510 ล้านบาท พร้อมทั้งยังตอกย้ำว่าในปีนี้จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลกำไรของ “คุณาลัย” อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ลงทุนมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
โดย ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มี Backlog มูลค่า 300 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในไตรมาสที่ 1/2565 นี้ นอกจากนี้ยังมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในปี 2565 จะมีการแข่งขันที่สูง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ส่งผลให้ “คุณาลัย” จึงมุ่งรักษากลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละทำเล
สำหรับภาพรวมของแผนงานในปี 2565 “คุณาลัย” ยังคงเดินหน้าตอกย้ำศักยภาพ ด้วยการสร้างแบรนด์ (Brand) ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อค่อยๆพาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจากช่วง Brand Awareness ไปสู่การเป็น Brand love ผ่านกระบวนการทั้งในส่วนของการบริการและสื่อสารทั้งสินค้าและบริษัทผ่านสื่อต่างๆ ให้สอดรับกับแผนการขยายธุรกิจสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบรอบกรุงเทพและปริมณฑล โดยในปีนี้ “คุณาลัย” มุ่งเน้นทำการ Re-engineer องค์กรทั้งหมด เพื่ออัพเกรดและเตรียมพร้อม ทั้งด้านความรู้ความสามารถ ซึ่งเชื่อว่าแผนการขับเคลื่อนดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทฯ จะสามารถแตะระดับรายรับที่ 1,500 ล้าน และ 2,000 ล้านในอนาคตอันใกล้นี้
“เรายังคงเน้นการขับเคลื่อนโดยให้ความสำคัญกับ 1.Product Redefined เพื่อปรับปรุงสินค้าให้บ้านสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างราบรื่น ทั้งในส่วนของรูปแบบการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอกบ้าน การให้ความสำคัญกับการสื่อสาร เช่น อุปกรณ์ต่างๆที่มีจำนวนมากขึ้น การใช้พลังงาน และค่าใช้จ่าย เช่น การติด solar cell เพื่อประหยัดพลังงานในช่วงกลางวัน 2.Project Redesigned สภาพโครงการในรูปแบบใหม่ ที่เน้นความเป็นส่วนตัวของแต่ละครอบครัว โดยการออกแบบอาศัยหลักทางวิทยาศาสตร์หลายแขนงและสถาปัตยกรรมมาออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ที่วางแผนการมีกิจกรรมนอกบ้านและในบ้านที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลถึงโรคภัย 3.Organization Re-Engineered อัพเกรดองค์กรทั้งส่วนของ soft and hard skills สู่ความเป็นเลิศในสิ่งที่“คุณาลัย”ถนัด เพื่อต่อยอดผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเป้าหมายขององค์กร” นางประวีรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ “คุณาลัย” มีแผนพัฒนาบ้านในรูปแบบ Eco Smart โดยการนำพลังงานทางเลือกมาใช้กับบ้านของ “คุณาลัย” โดยนำร่องที่โครงการ คุณาลัย พรีม บางส่วน ซึ่งเป็นการติดตั้งแผนโซล่าเซลล์ให้กับบ้านในโซนที่บริษัทฯนำร่อง เพื่อเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ และนำหลักการเรื่องการจัดการพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอกบ้าน หรือ space management มาปรับปรุงสินค้าเพื่อตอกย้ำในสิ่งที่บริษัทฯ กล่าวถึงมาตลอด และเป็นจุดเด่นที่ทำให้บริษัทฯ ขายดีตามคอนเซ็ปต์ ภายใต้ “คุณาลัย สร้างพื้นที่ สร้างความสุข”
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ตั้งงบขยายการลงทุนไว้ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณสำหรับซื้อที่ดิน 450 ล้านบาท ส่วนวงเงินที่เหลือจะนำไปลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดภายในปีนี้ ทั้ง 2 โครงการ คือ 1.โครงการคุณาลัย เดซี่ (Kunalai Daisy) โซนบางบัวทอง เป็นโครงการที่พัฒนาใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่กำลังจะหมด เป็นสินค้าบ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ที่ขายดีที่สุดและตลาดต้องการมาก รูปแบบโครงการจะคล้ายโครงการที่พัฒนาอยู่ โดยโครงการจะเน้นเรื่อง “ตัดส่วนเกิน เพิ่มเติมส่วนขาด” ตามความถนัดที่ “คุณาลัย” มี ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในบ้านเพิ่มขึ้น จากภาวะที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันภาย ในบ้านมากกว่าเดิม มูลค่าโครงการ ประมาณ 800 ล้านบาท
2.โครงการ คุณาลัย นาวาร่า (Kunalai Navara) จะเป็นอีก 1 แฟลกชิป (Flagship) ที่เป็นอีกหนึ่งเรือธงของ “คุณาลัย” ซึ่งบริษัทฯ จะยกโมเดลยุทธ์ศาสตร์การสร้างเมือง บนพื้นที่ดังกล่าวให้เหมือนแฟลกชิป แห่งแรกคือบางบัวทอง สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นโครงการในทิศที่ 3 ของ “คุณาลัย” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงเทพฯ โซนพระราม 2-บางขุนเทียน มีมูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยมองว่าทำเลโซนดังกล่าวจะเป็น Blue Ocean ที่ยังคงมีความต้องการ (ดีมานด์) ที่อยู่อาศัย ดังนั้น มองว่าจึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่คุณาลัยจะเข้าไปพัฒนาโครงการ เบื้องต้นคาดจะเปิดขายได้ภายในไตรมาส 3/2565
พร้อมกันนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคคือที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงระดับราคา 2-8 ล้านบาท ซึ่งตลาดดังกล่าวมีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นตลาดดังกล่าวจึงสอดคล้องกับแผนการต่อยอดและการลงทุนพัฒนาโครงการของ “คุณาลัย” ที่เตรียมการรองรับการขายในอนาคต โดยล่าสุดบริษัทฯ มีแผนงานระยะกลางที่ 5 ปี (2566 – 2570) ที่เตรียมพร้อมเพื่อการพัฒนาและที่ดินเปล่าที่ได้วางมัดจำไว้แล้ว รวมมูลค่าโครงการเกือบ 10,000 ล้านบาท รวมถึงแผนในการเปิดโครงการใหม่ไว้พร้อมแล้ว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีความสามารถในการรับรู้รายได้จากปัจจุบันจนถึงปี 2570 เป็นที่เรียบร้อย
“สำหรับดีมานด์กลุ่มผู้บริโภคในโซนที่ “คุณาลัย ” พัฒนาอยู่ในปัจจุบัน ถือว่ายังถือว่ามีดีมานด์ดีมากอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการมีจำนวนรวมใกล้เคียงกับปี 2563 แต่ยอดขายของบริษัทฯในปี 2564 สามารถเติบโตได้เกือบ 15% จากยอดขายในปี 2563 แสดงถึงลูกค้าที่มาดูโครงการเป็นลูกค้าที่มีความต้องการบ้านจริง ทำให้อัตราการปิดการขายของ “คุณาลัย” สามารถทำได้ดีขึ้น และนอกจากนั้น ทุกโซนที่มีโครงการบ้านจัดสรรของเราที่พัฒนาอยู่ทั้ง 3 โซน(บางบัวทอง ฉะเชิงเทรา และบางขุนเทียน) อยู่ในโซนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้า ถนนวงแหวน ทางด่วนใหม่ ทำให้มั่นใจว่าเราจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายของปี 2565 ที่วางไว้ ทิศทางการตลาดที่จะใช้คือมีทั้ง 1. market penetration การมีสินค้า Segment อื่นเพิ่มเติมในจุดที่เรามีชื่อเสียง เพิ่ม Market Share ได้อีก และ 2. Market Development ในโซนที่เราเริ่มต้นใหม่ ในปีนี้คือโซนบางขุนเทียน เพื่อสร้างฐานรายรับในอนาคตให้เติบโตยิ่งขึ้น” นางประวีรัตน์ กล่าว