“เมย์แบงก์” จัดธีม 7 หุ้นน่าลงทุน “กำไรดี-กองทุนปลื้ม” ชูท็อปพิก CPALL-JMT
“เมย์แบงก์” จัดธีม 7 หุ้นน่าลงทุน CK -CPALL-JMT-KBANK-LH-MINT-PLANB เน้นกลุ่มที่กำไรมีโอกาสดีกว่าตลาดคาดการณ์ และเป็นหุ้นเป้าหมายกองทุน เลือก CPALL, JMT เป็นหุ้นเด่นที่น่าสะสม ท่ามกลางสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่รุนแรง คาดส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าหลายอุตสาหกรรมของไทยกระทบจำกัด และมีโอกาสที่จะกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ผสานกับกระแสเงินทุนที่ยังมีแนวโน้มไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม โดยคัดสรรกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ และวิเคราะห์เจาะลึกเปรียบเทียบหุ้นเด่น ใน 5 แง่มุม จนได้เพชรเม็ดงาม ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของบทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ “เพชร” ตัดเพชร ฉบับนี้ โดยเลือก CPALL, JMT เป็นหุ้นเด่นที่น่าสะสม
ทั้งนี้หลายอุตสาหกรรมของไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าคาด ภาพระยะสั้นตลาดยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยยังคาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบที่จำกัด และหลายอุตสาหกรรมของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ดังนั้นเชื่อว่าการย่อตัวลงยังคงเป็นโอกาสค่อยๆทยอยสะสม โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจเน้นอิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก เช่น กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, ธนาคาร, รับเหมาก่อสร้าง, อสังหาฯ, ท่องเที่ยว และกลุ่มสื่อฯ
นอกจากนี้หากเปรียบเทียบหุ้นใน 5 แง่มุมที่น่าสนใจในแต่ละอุตสาหกรรม ประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนมีความสามารถที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน จึงพยายามวิเคราะห์ในเชิงเปรียบเทียบกับหุ้นใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยแบ่งออกเป็น 5 แง่มุมในการวิเคราะห์ ได้แก่ 1) โครงสร้างธุรกิจ 2) แนวโน้มผลประกอบการ 3) ปัจจัยหนุนในอนาคต 4) การประเมินมูลค่า และ 5) การเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG)
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยจึงได้ 7 หุ้นจาก 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ CK (รับเหมาฯ), CPALL (ค้าปลีก), JMT (ไฟแนนซ์-บริหารสินทรัพย์), KBANK (ธนาคาร), LH (อสังหาฯ), MINT (ท่องเที่ยว), PLANB (สื่อฯ)
โดยเน้นกลุ่มที่กำไรมีโอกาสดีกว่าตลาดคาดการณ์ และเป็นหุ้นเป้าหมายกองทุน จากการคัดกรองหุ้นเพิ่มเติมผ่านธีมการลงทุนที่เหมาะสม โดยเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกที่จะหนุนให้ผลการดำเนินงานมีโอกาสทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ นำไปสู่การปรับประมาณการขึ้น และอาจเป็นเป้าหมายกองทุนทั้งในและต่างประเทศในการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุน โดย 2 หุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะทยอยสะสม ได้แก่ ดังนี้
1) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาเป้าหมาย 79 บาท ซึ่งคาดการณ์การบริโภคปี 2565 ฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 4.5% จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในปีที่ผ่านมา ผสานเงินเฟ้อทีเร่งขึ้น หนุนการปรับราคาขาย เป็นบวกต่อสาขาเดิม (SSSG) มีโอกาสดีกว่าคาด อีกทั้งภาคท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว และการต่อยอด S-Curve จะช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรที่ดีกว่าคาด
2) บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ราคาเป้าหมาย 80 บาท เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัว หนุนโอกาสในการเก็บหนี้ได้ดีขึ้น ผสานกับการต่อยอด JV กับธนาคารในธุรกิจ AMC เพื่อแก้ปัญหาหนี้จะเป็น Upside เพิ่มเติม และโอกาสในการถูกคัดเลือกเข้า SET50 หนุน Fund Flow ไหลกลับเข้าสะสม