“หอการค้า” มองวิกฤต “รัสเซีย-ยูเครน” กระทบไทย แย่สุดกด GDP เหลือ 2.7% เงินเฟ้อพุ่ง 5.5%

“หอการค้าไทย” ประเมินสถาณการณ์วิกฤตยูเครนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยแบ่งเป็น 3 ระดับ กรณีเลวร้ายที่สุดจะกด GDP เหลือ 2.7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่ง 5.5%


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยแบ่งเป็น 3 กรณี จากกรณีฐานเดิมที่เคยคาดการณ์ (ณ พ.ย.64) ว่า เศรษฐกิจไทยปี 65 จะขยายตัวได้ 4.2% และอัตราเงินเฟ้อที่ 3.5% ดังนี้

1.กรณีแย่ (ความขัดแย้งจบภายใน 3 เดือน) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบราว 73,400 ล้านบาท ส่งผลให้ GDP ลดลง 0.5% หรือลงมาอยู่ที่ 3.7% ในปี 65 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 3.0-3.5%

2.กรณีแย่กว่า (ความขัดแย้งจบภายใน 6 เดือน) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบราว 146,800 ล้านบาท ส่งผลให้ GDP ลดลง 0.9% หรือลงมาอยู่ที่ 3.3% ในปี 65 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 3.5-4.5%

3.กรณีแย่ที่สุด (ความขัดแย้งยืดเยื้อตลอดปี 65) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบราว 244,700 ล้านบาท ส่งผลให้ GDP ลดลง 1.5% หรือลงมาอยู่ที่ 2.7% ในปี 65 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 4.5-5.5%

“ถ้าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อไปตลอดทั้งปีนี้ เศรษฐกิจไทยก็มีโอกาสที่จะเติบโตอยู่ในระดับ 2% ได้ ขณะที่เงินเฟ้อจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของไทยเข้าสู่ภาวะ stagflation ในทางเทคนิคได้” นายธนวรรธน์ ระบุ

ทั้งนี้ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยดังกล่าว เป็นเฉพาะกรณีปัญหารัสเซีย-ยูเครนเท่านั้น ยังไม่รวมผลกระทบจากปัจจัยอื่นที่สำคัญในปีนี้ เช่น การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปให้ชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่นิ่ง และ ม.หอการค้าไทย จะยังไม่ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ ไปจากเดิมที่เคยคาดไว้เมื่อช่วงเดือนพ.ย.64 แต่จะรอดูแนวโน้มและสถานการณ์อีกครั้ง ก่อนที่จะปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่ในช่วงเดือนเม.ย. 65

Back to top button