สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 มี.ค. 2565
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 มี.ค. 2565
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,945.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.05 จุด หรือ +0.003%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,173.11 จุด ลดลง 31.20 จุด หรือ -0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,581.22 จุด ลดลง 262.59 จุด หรือ -2.04%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (14 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความพยายามทางการทูตระหว่างยูเครนและรัสเซียที่จะยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์ โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกจากการเจรจากับยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 436.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.18 จุด หรือ +1.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,369.94 จุด เพิ่มขึ้น 109.69 จุด หรือ +1.75%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,929.11 จุด เพิ่มขึ้น 301.00 จุด หรือ +2.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,193.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.83 จุด หรือ +0.53%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ขานรับความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,193.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.83 จุด หรือ +0.53%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 6.32 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 103.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 5.77 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 106.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2565
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันจันทร์ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 24.2 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,960.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 86.2 เซนต์ หรือ 3.3% ปิดที่ 25.298 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 36.3 ดอลลาร์ หรือ 3.33% ปิดที่ 1,052.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 379.20 ดอลลาร์ หรือ 13.5% ปิดที่ 2,417.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนก.พ.
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% แตะที่ 99.0010 เมื่อคืนนี้
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ที่ระดับ 1.0963 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0910 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3019 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3037 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7195 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7296 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 118.09 เยน จากระดับ 117.34 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9377 ฟรังก์ จากระดับ 0.9347 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2824 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2726 ดอลลาร์แคนาดา