AAV เชื่อปี 66 กลับมาเปิดไฟล์ทบินครบ 100% หนุนผลงานพลิกมีกำไร

AAV เชื่อปี 66 กลับมาเปิดเปิดเส้นทางบินครบ 100% หลังทยอยเปิดเส้นทางบินต่างประเทศตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ดันผลงานพลิกมีกำไร เผยเปิดบินไปเบตงไม่ได้ เหตุสนามบินไม่รองรับเครื่องบินของบริษัทได้


นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และสายการบินไทยแอร์เอเชีย คาดว่าในปี 2566 บริษัทจะกลับมามีกำไร ขณะที่ในปี 2565 นี้ บริษัทยังขาดทุนอยู่แต่จะลดลง เนื่องจากสายการบินไทยแอร์เอเชียจะทยอยกลับมาบินในเส้นทางต่างประเทศ

โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ คือ มัลดีฟส์ กัมพูชา(พนมเปญ) และสิงคโปร์ และในเมษายนเริ่มบินไปที่มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์,ปีนัง,ยะโฮร์บาห์รู) เวียดนาม (โฮจิมินห์,ฮานอย,ดานัง) อินโดนีเซีย(บาหลี) และอินเดีย (เบงกาลูรู,โกลกาตา,โกชิ,ชัยปุระ,เชนไน) รวมเป็น 7 ประเทศ ทั้งหมด 18 เส้นทาง ดังนั้นในไตรมาส 2/2565 เส้นทางต่างประเทศจะทยอยกลับมาทำการบิน 20% ก่อนช่วงเกิดโควิด และทยอยเพิ่มเป็น 40% ในไตรมาส 3/2565 และในไตรมาส 4/2565 ก็คาดว่าจะทำการบินได้ถึง 60%

ส่วนในปี 2566 ก็เชื่อว่าจะสามารถกลับมาทำการบินได้เต็ม 100% โดยคาดว่าจีนจะเปิดประเทศ ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 30% ขณะที่เส้นทางในประเทศคาดว่าในไตรมาส 2/2565 จะกลับมาบินได้เต็ม 100%โดยเป็นการเพิ่มความถี่จากที่บินได้ครบทุกเส้นทางแล้ว

ทั้งนี้ในช่วงที่โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนักในเดือนมกราคม-กุมพาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ไทยแอร์เอเชียต้องเลื่อนการเปิดเส้นทางต่างประเทศไปไตรมาส 2/2565 เพราะภาครัฐหยุดมาตรการ Test&Go ไป 2 เดือน  แต่ขณะนี้ที่กลับมาใช้ Test&Go แล้ว และยังมีแผนเปิดทำการบินเพิ่มในครึ่งปีหลัง ได้แก่ ฮ่องกง มาเก๊า จีนตอนใต้ที่เน้นเมืองค้าขาย, ญี่ปุ่น (ฟูกูโอกะ, โอกินาวา) และสปป.ลาว  หากประเทศเหล่านี้เปิดประเทศแล้ว

สำหรับเฟสต่อไป ถ้าประเทศญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เปิดประเทศเราบินไปได้ทันที ศักยภาพของบริษัทมีความพร้อมทั้งเครื่องและคน  โอกาสมาเราจะฉวยโอกาสให้ได้ทันที  พร้อมมั่นใจว่าอินเดียน่าจะไปได้ดี คนอินเดียก็อั้นที่จะมาเที่ยวที่ไทย สิงคโปร์ก็มีลุ้น แข่งกับสิงคโปร์แอร์ไลน์  มาเลเซียถิ่นเราอยู่แล้ว ก็ทำราคาได้ดี บาหลีก็เป็นเส้นทางยอดนิยม” นายสันติสุข กล่าว

นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่ไทยแอร์เอเชียจะเพิ่มทำการบินเส้นทางต่างประเทศจากสนามบินสุวรรณภูมิ จากที่ส่วนใหญ่บินจากสนามบินดอนเมือง เพราะเราวางกลยุทธ์ให้ Hub สุวรรณภูมิ เพื่อเชื่อมหรือส่งผู้โดยสารจากต่างประเทศบินต่อในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันบินไปที่ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ น่าน และเชียงราย

เส้นทางต่างประเทศเป็นตลาดสำคัญ ที่ทำให้อยู่รอด เปิดได้เยอะก็จะใช้เครื่องได้เยอะก็สามารถทำรายได้เข้ามาก” นายสันติสุข กล่าว

ทั้งนี้ก่อนช่วงโควิด บริษัทจะมีรายได้ที่มาจากผู้โดยสารต่างประเทศ 60% ในประเทศ 40% ขณะที่จำนวยผู้โดยสารต่างประเทศมีสัดส่วน 40% ในประเทศ 60% โดยเหตุผลที่สายการบินไทยแอร์เอเชียรุกเปิดตลาดต่างประเทศในจังหวะนี้ 7 ประเทศ 18 เส้นทางเพราะเห็นว่าแนวโน้มสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ดีขึ้น แม้โรคจะไม่ได้หาย แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็อยู่กันได้อย่างมีสติ และมีการฉีดวัคซีนเข็ม 1-2 เกือบ 80% ส่วนเข็ม 3-4 เริ่มมากขึ้น  ซึ่งช่วยให้อาการไม่รุนแรง คนเริ่มไม่กังวลและเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น หลายประเทศเปิดประเทศมีการทำการบินระหว่างกันมากขึ้น

ส่วนกรณีของราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงจากสงครามรัสเซียและยูเครน แต่วันนี้ราคาน้ำมันปรับลงต่ำสุดในช่วง 2 สัปดาห์ และการเจรจาสันติภาพน่าจะตกลงกันได้ จึงคาดว่าคงไม่เห็นราคาน้ำมันมากกว่า 100 เหรียญ/บาร์เรล และเส้นทางต่างประเทศสามารถเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) ทั้งนี้ น้ำมันมีสัดส่วนต้นทุน 30% ใกล้กับต้นทุนบุคคลากร 30-40%

อย่างไรก็ตาม ไทยแอร์เอเชียมีความพร้อมทั้งบุคคลากรและเครื่องบิน รวมทั้งบริษัทเพิ่งได้รับเงินจากการเพิ่มทุน 9.9 พันล้านบาท ทำให้บริษัทไม่มีปัญหาสภาพคล่อง  โดยปัจจุบันมีเครื่องบิน 53 ลำ ซึ่งในไตรมาส 1/2565 ใช้ไป 20 ลำ และจะเพิ่มเป็น 30 ลำในไตรมาส 2/2565 คาดปลายปีหรือไตรมาส 4/2565 น่าจะใช้เครื่องบินได้เต็มที่ รวมไปถึงนโยบายและกลยุทธ์ของไทยแอร์เอเชียที่ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน การให้บริการที่มีคุณภาพ ซึ่งไทยแอร์เอเชียได้สายการบินประหยัดที่ตรงต่อเวลาเป็นอันดับ 3 ของโลก

นอกจากนี้ คาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/2565 ดีกว่าไตรมาส 1/2564 และไตรมาส 4/2564 โดยคาดว่ารายได้ในปี 2565 น่าจะดีกว่าในปี 2563 จากปี 2564 ที่เป็นปีที่แย่สุด และคาดว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเดินทางมาก โดยขณะนี้ยอดการจองเส้นทางในประเทศเข้ามาแล้ว 30% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าใกล้เทศกาล

ทั้งนี้ บริษัทประมาณการต้นปี 2565 ว่าปีนี้ไทยแอร์เอเชียจะมีจำนวนผู้โดยสาร 12.3 ล้านคน โดยจะมีสัดส่วนชาวต่างชาติ 30%  อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยที่ 78% ส่วนอัตราการใช้เครื่องบิน (Utilizstion) คาดว่าจะปรับขึ้นมาเป็น 10 ชม./ลำ/วัน จากปัจจุบัน 8-9 ชม./ลำ/วัน  อนึ่งในปี 2564 AAV มีผลขาดทุน 6,647.48 ล้านบาท มากกว่าปี 2563 ที่ขาดทุน 4,764.09 ล้านบาท

ขณะที่ไทยแอร์เอเชีย ยังไม่สามารถทำการบินไปเบตงได้เนื่องจากสนามบินเบตง ไม่สามารถรองรับเครื่องบินแอร์บัสเอ 320 ที่เป็นรุ่นที่บริษัททำการบินอยู่ แต่หากสนามบินเบตงได้ขยายรันเวย์ ก็จะพิจารณาเข้าไปทำการบิน

Back to top button