BBIK ย้ำเป้าปี 65 รายได้-กำไรโต 50% กางแผน 1 ดีลทุกปี “M&A-JV” เสริมแกร่งธุรกิจ

BBIK ย้ำเป้าปี 65 รายได้-กำไรโต 50% กางแผน 1 ดีลทุกปี “M&A-JV” เสริมแกร่งธุรกิจ พร้อมชู 3 จุดแข็งแข่งขันในตลาดโลก เพื่อเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษา-บริการ “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน” ครบวงจร


นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK  เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง MCOT HD30 ในวันที่ 21 มีนาคม 2565 มีประเด็นสำคัญดังนี้

แนวโน้มผลประกอบการปี 2565

สำหรับผลประกอบการปี 2564 ที่ผ่านมารายได้และกำไรเติบโต 50 % ซึ่งถือเป็นไปตามเป้าหมายทางผู้บริหารวางไว้ โดยในปี 2565 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้มีการทำแผนกันอย่างเข้มข้นและมองตลาดอยู่ในแนวโน้มที่ดี เนื่องจากภาคธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนหลายๆ ประเทศมีความตื่นตัวต่อกระแส “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน” และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจการที่บริษัทเป็นที่ปรึกษาที่ให้คำปรึกษาด้านของ Digital transformation แบบครบวงจร ทำให้มีความสามารถในการให้บริการ

ปีนี้มีผลิตภัณฑ์และการให้บริการเพิ่มเติมจากปีก่อนอย่างไรบ้าง

สำหรับผลิตภัณฑ์และการให้บริการสำหรับปีนี้มีเพิ่มเติมเป็นเรื่องของการปรับปรุง และเพิ่มศักยภาพให้กับระบบงานที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบหลังบ้านบริษัทต่างๆ และผลิตภัณฑ์การเชื่อมต่อระบบกับ LINE ทำให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ได้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยรายได้สัดส่วนมาจากต่างประเทศประมาณ 14% มาจากประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทได้จัดตั้งบริษัทใหม่ที่ดูแลตลาดต่างประเทศคือบริษัท บลูบิค โกลบอล ซึ่งตรงนี้ได้พาร์ทเนอร์ที่เป็นชาวอังกฤษและอินเดีย ซึ่งเคยผ่านงานระดับโลกเข้ามาร่วมงานกับบริษัท ขณะที่สัดส่วนรายได้ในประเทศ 86%

ร่วมไปถึงการเปิด Technology Center  ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศอินเดีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและความรู้ทางเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้มีโอกาสไปตีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ได้ดีขึ้น รวมไปถึงการมองหาทรัพยากรบุคคลที่เพียงพอเข้ามาเสริมแกร่งธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทพยายามลดค่าใช้จ่ายโดยได้ยืนขอบีโอไอเพื่อได้สิทธิประโยชน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางภาษีอีกทาง

บริษัทร่วมทุนกับ OR ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ประมาณ 150 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มลูกค้าปีนี้ในต่างประเทศจะเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ได้เริ่มงานไปแล้ว ส่วนลูกค้าในประเทศมีลูกค้าในกลุ่มค้าปลีก ล่าสุดได้ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR  โดย BBIK  ถือหุ้นสัดส่วน 60% และ OR  ถือหุ้นสัดส่วน 40% โดยทางบริษัทได้เข้าไปช่วยดูแลองค์กรเพื่อร่วมกันสร้าง Digital Platform ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งร่วมกันมาได้ประมาณ 6 เดือน โดยตั้งเป้าปีนี้รายได้บริษัทร่วมทุนประมาณ 150 ล้านบาท (แบ่งตามสัดส่วนถือหุ้น) และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในปีถัดไปอีกประมาณ 30-40%

สำหรับการร่วมทุนกับทาง OR ในครั้งนี้เป็นภาพที่ค่อนข้างใหญ่เพราะเป็นองค์กรใหญ่มีปั๊มน้ำมันปตท.อยู่ทั่วประเทศ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมายในเครือ ซึ่งตรงนี้จะนำเอา Digital transformation เข้าไปเสริม โดยโปรเจกต์แรกที่ทำคือ แอปพลิเคชัน (All in 1 Application) ออลอินวันแอป ที่ร่วมกันพัฒนาทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน บริการและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่หลากหลายได้ครบถ้วนผ่านทางช่องทางเดียว และสามารถช่วยเชื่อมโยงตัวบริการของลูกค้า OR และพันธมิตรอื่นๆเพื่อต่อยอดธุรกิจซึ่งจะเป็นแผนงานที่ทางบริษัทวางไว้

สำหรับรายได้จากบริษัทร่วมทุนโดยในปีแรกจะเข้ามาจะเป็นตัวของการสร้างระบบ ซึ่งจะเป็นรายได้จากเครือ OR มาใช้บริการจากบริษัทร่วมทุน และในอนาคตบริษัทร่วมทุนนี้จะมีโอกาสสร้าง Digital Platform ร่วมกัน เพื่อสร้างรายได้อื่นๆเข้ามา อีกทั้งในทุกปีบริษัทตั้งเป้าต้องมีดีล กิจการร่วมค้า (Joint Venture) หรือ ควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) เข้ามาอย่างน้อย 1 ดีล ตรงนี้เป็นเป้าหมายที่บริษัทวางไว้

“โนมูระ” ประเมินกำไร 3 ปี ข้างหน้า โตเฉลี่ย 44% “บลูบิค” มีมุมมองอย่างไรบ้าง

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรเติบโตเฉลี่ย 44% ต่อปีในช่วง 3 ปี ข้างหน้า โดยบริษัทมองว่าเป็นเป้าหมายที่ใกล้เคียงปัจจุบันปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 50% ในปีถัดไป เชื่อว่าด้วยความเล็กมีโอกาสเติบโตจากนักวิเคราะห์มองไว้

คาดปีนี้อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 21-22% จับตาปี 66 พุ่ง

สำหรับอัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin ในช่วงปี 2563 อยู่ที่ระดับ 22.06% และปี 2564 อยู่ที่ 21.71% สำหรับปี 2565 จากต้นทุนที่ลดลงคาดว่าปีนี้จะอยู่ในระดับ 21-22%  เนื่องจากได้ขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอซึ่งกระบวนการคาดจะได้ในช่วงไตรมาส 2/65 และต้องปรับส่วนรายได้ต่างๆให้เข้าถึงโครงการนี้ซึ่งปีนี้ยังไม่เด่น ส่วนปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีที่อัตรากำไรสุทธิดีขึ้นชัดเจน เนื่องจากได้ใช้สิทธิทางภาษีเต็มปี

 ชู 3 จุด แข็ง “บลูบิค” แข่งขันผู้ครองตลาดรายใหญ่ระดับโลก

สำหรับจุดแข็งของบริษัทมีหลายคือ จุดแรกด้วยบุคลากรและผู้บริหารที่มาจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมารวมตัวกัน และมีผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่เป็นกรรมการและบอร์ด ผนวกกับคนที่เป็นมืออาชีพในสายงานเทคโนโลยีในงานที่ปรึกษาผ่านประสบการณ์ใหญ่ๆมาช่วยให้งานประสบความสำเร็จ 2.ในเรื่องขีดความสามารถทางบริษัทค่อนข้างมีครบถ้วน ตั้งแต่การวางกลยุทธ์เพื่อดูว่าธุรกิจสามารถที่จะใช้ดิจิตอลปรับปรุงธุรกิจยังไงได้บ้าง ซึ่งในตลาดมีธุรกิจลักษณะนี้น้อยราย และ 3.ราคาต้นทุนบริษัทต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทต่างชาติ เพื่อจะเป็นหนึ่งในบริษัทฯ ที่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกตามแผนที่วางไว้

“บลูบิค” นำนวัตกรรม-เทคโนโลยีที่มีมาบริหารต้นทุนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง

ในส่วนของบริษัทได้มีการปรับปรุงในเรื่องของกระบวนการภายในต่างๆอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบงานหลังบ้าน เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ได้มากขึ้น และการลดต้นทุนได้แล้วจะลงทุนในอาร์แอนบีมากขึ้น เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจไปได้ในระยะยาวตรงนี้เป็นเป้าหมายผู้บริหารทุกคนมองตรงกันว่าธุรกิจจะขยายไปอีกมาก

Back to top button