“ฟินันเซีย” แนะ “ซื้อ” CPANEL เป้า 9 บ. ชี้อสังหาฟื้นหนุนรับเหมาโต กำไรปีนี้พุ่ง 122%
“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” ปรับเพิ่มคำแนะนำ “ซื้อ” CPANEL ราคาเป้าหมาย 9 บ. มองตลาดอสังหาฯฟื้นหนุนธุรกิจก่อสร้างสดใส ดันกำไรปีนี้พุ่ง 122%
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้น บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL โดยมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีแผนกลับมารุกเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก ซึ่งตลาดยังให้น้ำหนักกับแนวราบเป็นหลัก อ้างอิงจากข้อมูล REIC ประเมินหน่วยการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินปีนี้ เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน ท่ามกลางเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ทั้งนี้ สะท้อนตัวเลขแรงงานต่างด้าวที่กลับมาในประเทศเพียง 65% ของจำนวนแรงงานช่วงก่อน COVID-19 ในปี 2563 ล้วนจะเป็นตัวเร่งความต้องการใช้ Precast ขยายตัว และแนวโน้มเติบโตไปอย่างน้อย 2-3 ปีตามค่าเฉลี่ยการปิดขายโครงการแนวราบที่แบ่งเป็นหลายเฟส ซึ่งจะเป็นบวกต่อ CPANEL จากฐานเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ และตลาดที่มีคู่แข่งน้อยราย สะท้อนภาพยืนยันคำสั่งซื้อล่วงหน้าของบริษัทที่เพิ่มจาก 3-6 เดือน เป็น 1 ปี สอดคล้องกับความเชื่อมั่นการลงทุนที่ฟื้นตัว
ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบคิดเป็น 35% ของต้นทุนรวม หลักๆ เป็นเหล็กและปูนที่ 10% และ 5% ของต้นทุนรวม ตามลำดับ อย่างไรก็ดีบริษัทใช้นโยบายกำหนดราคาวิธี Cost Plus Pricing และทยอยปรับขึ้นราคาสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/64 บวกกับผลของ Economy of scale คาดลดแรงกดดันต่อมาร์จิ้นได้
โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 โตแกร่งต่อ 122% จากปีก่อน เป็น 71 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดงบไตรมาส 1/65 อยู่ในเกณฑ์ดี ทรงตัวถึงขยายตัวเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนและปีก่อน จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ขยับขึ้นเป็น 75% เทียบกับ 67-68% ในไตรมาส 1/64 และไตรมาส 4/64 และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 36-37%
ขณะที่การนำเข้าแรงงานเพิ่มในปลายเม.ย.นี้ คาดช่วยผลักดันกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 85% หนุนรายได้สูงขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มต้นทุนราคาวัตถุดิบที่คาดทยอยลดลงตามราคาพลังงานในช่วงครึ่งหลังปี 2565
ทั้งนี้บริษัทแจ้งเพิ่มทุน 47 ล้านหุ้น จากเดิมทุนจดทะเบียน 150 ล้านหุ้น เป็น 197 ล้านหุ้น เพื่อรองรับ 1) การจ่ายหุ้นปันผลในอัตรา 15 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล จำนวน 10 ล้านหุ้น 2) การออก CPANEL-W1 32 ล้านหน่วยให้ผู้ถือหุ้นเดิมฟรี อัตราส่วน 5 หุ้นเดิม : 1 CPANEL-W1 มีอายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 : 1 ที่ราคาใช้สิทธิ 5 บาท ต่อหุ้น ใช้สิทธิทุก 6 เดือน ตั้งแต่ 31 พ.ค.2566
3) การออก ESOP-W1 ให้ผู้บริหาร หลัก จำนวน 5 ล้านหน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 : 1 ที่ราคาใช้สิทธิ 10 บาทต่อหุ้น ใช้สิทธิครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุ 15 มิ.ย. 2568 โดยก าหนดประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 21 เม.ย. ก่อนขึ้น XD 5 พ.ค. และขึ้น XW 24 พ.ค. 2022 เรามองว่าราคาใช้สิทธิ CPANEL-W1 ที่ต่ำกว่าราคากระดานมากเป็นแรงจูงใจให้เกิดการใช้สิทธิ ซึ่งหากแปลงทั้งหมดจะได้รับเงิน 32 ล้านบาท เพื่อเป็นฐานเงินทุน ส่วนหนึ่งรองรับโครงการลงทุนในโรงงานผลิตแห่งใหม่ (เงินลงทุน 500 ล้านบาท) เพื่อขยายกำลังการผลิตแผนก่อสร้างไตรมาส 2/65-ไตรมาส 4/66 ซึ่งการใช้เงินลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในปี 2566 สอดคล้องกับกรอบการเริ่มใช้สิทธิแปลง Warrant คาดทำให้ D/E ปี 2566 ปรับลดจากเดิม 1.1 เท่า เป็น 0.9 เท่า
ทั้งนี้ใน 1 เดือนหลังภายหลังปรับลดคำแนะนำเป็นถือ ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เปิดกว้างขึ้นมากกว่า 10% จึงกลับมาแนะนำซื้ออีกครั้งจากจุดเด่น 1) อยู่ ในช่วง Growth Stage สะท้อนกำไรทำ All Time High โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตปี 2565-66 สูงเฉลี่ย 59% ต่อปี 2) แบ็กล็อกสูง 1.3 พันล้านบาทรองรับถึงปี 2566 โดยมีแผนรับรู้ปีนี้ราว 740 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าประมาณการรายได้ของฝ่ายที่ 439 ล้านบาท
3) มีช่องว่างในการเติบโตอีกมากตามแนวโน้มปรับเปลี่ยนวิธีก่อสร้างเป็น Precast ที่มีข้อได้เปรียบทั้งด้านเวลาและต้นทุนที่ลดลงกว่าการก่ออิฐ ฉาบปูน เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนโครงการที่ใช้ Precast เพียง 50% +- ของจำนวนโครงการแนวราบเอกชนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม Key Risk คือผลกระทบของต้นทุน วัตถุดิบต่อความสามารถในการทำกำไร โดยประเมิน Sensitivity อัตรากำไรขั้นต้นที่ เปลี่ยนไปทุกๆ 50bps กระทบกำไร 2% และราคาเหมาะสม 0.20 บาท/หุ้น ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดปี 2564 เป็นหุ้นปันผล 15 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล และเงินสด 0.0183333 บาท/หุ้น รวมเป็นอัตราการจ่ายปันผล 0.085 บาท/หุ้น Yield 1% ขึ้น XD วันที่ 5 พ.ค. และจ่าย 20 พ.ค.2565
โดยภายหลังขึ้น XD ราคา เหมาะสมใหม่ปี 2565 (รวม Dilution จากหุ้นปันผล) จะอยู่ที่ 8.40 บาท