ส่อง 3 หุ้นอาหาร ธีม “แลกการ์ด” ชู GFPT อัพไซด์ทะลุ 20%
ส่อง 3 หุ้นอาหาร-น้ำดื่ม “GFPT- CPF- TU” โบรกชูธีม “แลกการ์ด” GFPT- CPF อัพไซด์เกิน 20%
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จํากัด ระบุในบทวิเคราะห์ (25 มี.ค.2565) ว่า แนะนำธีม Laggard Play กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (ในที่นี้รวมบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ที่เป็นธุรกิจที่เหมือนกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แต่อยู่ในกลุ่มเกษตรเข้ามาด้วย) มีการปรับตัวลดลงเฉลี่ย 3.80% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ขณะที่ดัชนี SET มีการปรับตัวขึ้น 1.39% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการปรับตัวแย่กว่าตลาดพอสมควร (Laggard)
ทั้งนี้จากการที่นักลงทุนกังวลการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศหลังมีการระบาดระลอกใหม่ของ Omicron, ต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังรัสเซียบุกยูเครนซึ่งส่งผลต่อราคาธัญพืชและต้นทุนอาหารสัตว์หลายชนิดปรับตัวขึ้น, ต้นทุนอะลูมิเนียมที่ใช้ทำกระป๋องปรับตัวสูงขึ้นตามราคาอะลูมีเนียมที่พุ่งขึ้นในตลาดโลกและความผันผวนของราคาเนื้อสัตว์ที่ส่งผลดวามสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ปรับตัวขึ้นหลักๆ มีเพียงบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP และบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ที่ปรับตัวขึ้น 13%, 6.6% และ 5.7% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ตามลำดับ ทำให้อาจเหลือ Upside อีกไม่มากนัก
โดย ICHI มี Upside 25% จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus ที่ 14.12 บาท, SAPPE มี Upside 19% จากราคาเป้าหมายที่ 33.06 บาทและ OSP มี upside 3% จากราคาเป้าหมายที่ 37.50 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น GFPT มีการปรับตัวลดลง 7% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน, CPF มีการปรับตัวลดลง 5.5% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน และ TU ลดลง 3.1% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ซึ่งยัง Laggard อยู่เมื่อเทียบกับกลุ่ม และเป็นหุ้นที่ทาง CGS-CIMB แนะนำ “ซื้อ” โดยยังมี upside เหลืออยู่อีกมาก ทำให้คาดว่าในระยะสั้นอาจเห็นการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น GFPT, CPF และ TU ตามหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นนำไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ GFPT แนะนำ “ซื้อ” มี upside อยู่ที่ 26% จากราคาเป้าหมาย 15 บาท, CPF แนะนำ “ซื้อ” มี Upside อยู่ที่ 20% จากราคาเป้าหมาย 29บาท และ TU มี Upside อยู่ที่ 12% จากราคาเป้าหมาย 22.10 บาท ในขณะที่ RBF และ CBG แม้ว่าจะปรับตัวแย่กว่าตลาดมากคือ ลดลง 27.5% และลดลง 12.1% แต่เป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานเฉพาะตัว (ราคาข้าวสาลีและราคาอะลูมิเนียมที่พุ่งขึ้นมาก ส่งผลให้ต้นทุนปรับขึ้น กระทบกับผลกำไร) ที่กำไรคาดว่าจะชะลอตัวลงจากที่ตลาดคาดไว้เดิมในปีนี้ ดังนั้นคำแนะนำพื้นฐานเป็น “ถือ” หุ้น CBG ราคาเป้าหมาย 100 บาท ส่วน RBF ก็มี Upside จำกัด จากราคาเป้าหมาย 18 บาท