เปิดโผ 4 หุ้นค้าอาวุธ เดือนเดียวราคาพุ่งกระฉูด รับสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ปะทุเดือด!
เปิดโผ 4 หุ้นราคาหุ้นกรอบ1 เดือนและ 6 เดือนพุ่งกระฉูด เก็งโอกาสกอบโกยรายได้จากการค้าอาวุธอื้อ หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปะทุเดือด!
สงครามยูเครน หรือที่รัสเซียเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ได้ดำเนินมาเป็นระยะเวลา 1 เดือนแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ประกาศแถลงผ่านโทรทัศน์ตั้งแต่ช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่นว่า เริ่มปฏิบัติการทางทหาร ในยูเครน โดยอ้างว่ามีจุดประสงค์เพื่อปกป้องพลเรือน เป็นการเกิดฉากสงครามโดยการโจมตี หลังจากฮึ่มฮั่มกันมาตั้งแต่ปลายปี 2564
โดยปูตินกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเพื่อ “รับมือภัยคุกคามที่มาจากยูเครน” ซึ่งรัสเซียไม่มีเป้าหมายที่จะครวบครองยูเครน ซึ่งนี่เป็นการรุกรานครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้หลังจากประกาศ รัสเซียก็บุกเข้าโจมตียูเครนจาก 3 ทิศทาง คือ ทิศเหนือ จากรัสเซียและเบลารุส ทิศตะวันออก จากภูมิภาคดอนบาสที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลัง และทิศใต้จากคาบสมุทรไครเมียซึ่งรัสเซียผนวกไปได้เมื่อ 8 ปีก่อนนั้นเอง
เช่นวันแรก กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และอีกหลายเมือถูกโจมตี นอกจากนี้รัสเซียยังสามารถยึดโรงไฟฟ้าพลังงานนิเคลียร์ “เซอร์โนบิล” จนหลายฝ่ายหวั่นว่าจะเกิดหายนะนิวเคลียร์ครั้งใหม่ ทำให้ตลาดหุ้น ทอง น้ำมัน เกิดความปั่นป่วน
ในตอนแรกมีการคาดการณ์กันว่า ด้วยแสนยานุภาพของรัสเซีย อาจยึดยูเครนได้ในเวลาเพียง 3 วัน แต่ด้วยความที่ยูเครนไม่ยอมจำนน และยังได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธจากนานาชาติ ทำให้เกิดการตอบโต้กับรัสเซีย ในขณะเดียวกันนานาชาติก็เริ่มมาตรการแซงก์ชัน คว่ำบาตรรัสเซียในด้านต่างๆ
กระทั่งวันที่ 27 ก.พ.65 ปูตินประกาศให้หน่วยรบนิวเคลียร์เตรียมพร้อม จนโลกเกิดความปั่นป่วนมาอีกครั้ง เพราะเกรงว่าจะเกิดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงคราม ซึ่งจะสร้างความเสียหายมหาศาล จนหลายประเทศเร่งการส่งอาวุธให้ยูเครนและยกระดับการคว่ำบาตรรัสเซีย ถึงแม้ว่าในช่วงระยะเวลารอบ 1 เดือนที่ผ่านมาจะมีการเจรจาระหว่างกันหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะในปัจจุบันยังมีการโจมตีกันอยู่
ขณะเดียวกันสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่า ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนอาจยังไม่จบในเร็ววัน คือการให้สัมภาษณ์ของ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียที่ว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หากอยู่ในจุดที่เป็นภัยคุกคาม พร้อมกับยอมรับว่า รัสเซียยังไม่บรรลุเป้าหมายทางทหารใดๆ ในยูเครน และไม่ปฏิเสธว่ารัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์
ดังนั้นในรอบ 1 เดือนของการทำสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ตลาดหุ้น ทอง น้ำมัน เกิดความปั่นป่วนเป็นอย่างมาก รวมไปถึงสินค้า อุปโภค บริโภค และอาหารสัตว์ เป็นต้น
นอกจากนั้นมากล่าวถึงเรื่องตลาดหุ้นจะเห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมาเกิดความผันผวน แต่ท่ามกลางภาสะสงครามที่เดิกขึ้นยังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรง คือ “บริษัทค้าอาวุธ” ที่หลายบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก อย่างเช่นหุ้น Raytheon Technologies หรือ RTX), Lockheed Martin หรือ LMT, General Dynamics หรือ GD และ Northrop Grumman หรือ NOC เป็นต้น
ทั้งนี้จะเห็นได้จากราคาหุ้นบนกระดานทั้ง 4 หุ้น สะท้อนและคล้อยตามสถานการณ์สงครามได้อย่างชัดเจนจากกรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่ทางทหารรัสเซียโจมตีกับยูเครน ราคาหุ้นดัง 4 ปรับตัวขึ้นร้อนแรง และหากย้อนกับไปดูราคาหุ้นรอบ 6 เดือนจะพบว่าปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
โดย Raytheon Technologies หรือ RTX ล่าสุดราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 24 มี.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 101.71 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับวันแรกเริ่มส่งคราม 24 ก.พ. 65 อยู่ที่ 94.25 ดอลลาร์ เท่ากับว่าช่วงระยะเวลา 1 เดือนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 7.46 ดอลลาร์ หรือ 7.92% และวัดในรอบ 6 เดือน ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 14.37 ดอลลาร์ หรือ 16.45%
ขณะที่ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะในปี 2564 บริษัทพลิกมีกำไร 3,864,000,000 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 3,519,000,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ Raytheon Technologies เดิมทีคือบริษัท Raytheon ที่ทำการ M&A United Technologies เข้ามา และเปลี่ยนชื่อเป็น Raytheon Technologies ในปี 2563 เป็นผู้นำด้าน Radar และอาวุธระบบไฟฟ้า ผลิตเครื่องบินรบ โดรน เครื่องยนต์ชั้นสูง แต่ที่โดดเด่นมากๆ คือระบบ Missile ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำไรดี มีความต้องการใช้งานทั่วโลกสูง โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตรถขน Missile กำหนดเป้าด้วย Radar และยิง missile แบบที่เรามักเห็นในหนัง (Patriot missile defense system) ระบบต่อต้านขีปนาวุธระยะไกล รวมถึง Tomahawk Missile อันเลื่องชื่อของสหรัฐที่ยิงได้ไกลกว่า 1,600 km.
ส่วน Lockheed Martin หรือ LMT ล่าสุดราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 24 มี.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 449.73 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับวันแรกเริ่มส่งคราม 24 ก.พ. 65 อยู่ที่ 395.71 ดอลลาร์ เท่ากับว่าช่วงระยะเวลา 1 เดือนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 54.02 ดอลลาร์ หรือ 13.65% และวัดในรอบ 6 เดือน ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 96.37 ดอลลาร์ หรือ 27.27%
ขณะที่ผลประกอบการในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 6,315,000,000 ดอลลาร์ ลดลง 7.58% เมื่อเทียบกับปี 2563 มีกำไรสุทธิ 6,833,000,000 ดอลลาร์
สำหรับ Lockheed Martin เป็นผู้ผลิตอาวุธที่มีรายได้มากที่สุดในปีที่ผ่านมา ( $67B) และมีคำสั่งซื้อจาก Pentagon ที่รอการผลิตอีกกว่า $400B ซึ่งสิ่งที่ทำเงินให้บริษัทมหาศาลคือ เครื่องบินต่อสู้ล่องหน F-35 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ Pentagon และพันธมิตร NATO (อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา, อิตาลี, นอร์เวย์) เลือกใช้เพื่อต่อต้านคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีน โดยตอนนี้ทาง Lockheed Martin มียอดจอง F-35โดยสหรัฐและพันธมิตร กว่า 3,100 ลำที่ต้องส่งมอบในปี 2578
รวมทั้ง General Dynamics หรือ GD ล่าสุดราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 24 มี.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 241.00 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับวันแรกเริ่มส่งคราม 24 ก.พ. 65 อยู่ที่ 218.53 ดอลลาร์ เท่ากับว่าช่วงระยะเวลา 1 เดือนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 22.47 ดอลลาร์ หรือ 10.28% และวัดในรอบ 6 เดือน ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 43.24 ดอลลาร์ หรือ 21.86%
ขณะที่ผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,257,000,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.84% เมื่อเทียบกับปี 2563 มีกำไรสุทธิ 3,167,000,000 ดอลลาร์
สำหรับบริษัทเป็นผู้นำด้านการผลิตเรือรบ โดยบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเรือ “Littoral Combat Ships” ซึ่งเป็นเรือรบขนาดเล็ก อเนกประสงค์ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตเรือดำนำ Zumwalt-class ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเรือดำนำล่องหนชนิดทำลายล้างแห่งอนาคต รวมถึงเรือสนับสนุน เรือขนน้ำมัน และเรือบรรทุกสินค้าสำหรับกองทัพเรือ ในส่วนของอาวุธทางบก GD ก็ทำได้ดีและเป็นผู้ผลิตอันดับต้น ๆ เหมือนกัน ผลงานโดดเด่นเช่นรถถัง Abrams ซึ่งเป็นรถถังน้ำหนักเบาที่สหรัฐใช้เป็นหลักในปัจจุบัน
ส่วน Northrop Grumman หรือ NOC ล่าสุดราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 24 มี.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 454.57 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับวันแรกเริ่มส่งคราม 24 ก.พ. 65 อยู่ที่ 395.49 ดอลลาร์ เท่ากับว่าช่วงระยะเวลา 1 เดือนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 59.08 ดอลลาร์ หรือ 14.94% และวัดในรอบ 6 เดือน ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 97.36 ดอลลาร์ หรือ 27.26%
ขณะที่ผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,005,000,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 119.66% เมื่อเทียบกับปี 2563 มีกำไรสุทธิ 3,189,000,000 ดอลลาร์
สำหรับ Northrop Grumman เป็น Subcontractor รายใหญ่ในการผลิตเครื่องบิน F-35 ของ Lockheed Martin (บริษัทอันดับ 3) รวมถึงเครื่องบินโดรนไร้คนขับ Global Hawk ซึ่งเป็นโดรนที่ใช้สำรวจพื้นที่กว้างได้ถึง 100,000 ตารางกิโลเมตร (ลำเดียวคุมพื้นที่ได้ประมาณเกาหลีใต้ทั้งประเทศ) ตัวสร้างเงินอีกตัวของ Northrop คือเครื่องบินล่องหนทิ้งระเบิด B-21 ซึ่งกองทัพสหรัฐซื้อมาร่วม 100 ลำ หลังสงครามเย็น นอกจากนี้ Northrop ยังเป็นผู้รับเหมาในโครงการเปลี่ยนแท่นปล่อยนิวเคลียร์ของทัพอากาศซึ่งมีมูลค่าราว ๆ $100B ในปัจจุบัน
ทั้งนี้คือความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของบริษัทค้าอาวุธโดยสังเขปได้ว่าตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาขอสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ราคาหุ้นกลับตอบรับสวนทางหุ้นกลุ่มอื่นๆ
อย่างไรก็ดีสงครามที่เกิดขึ้นยากที่จะคาดการณ์ต่อไปว่า เรื่องนี้จบลงที่ตรงไหน และคำถามสำคัญที่ไม่มีใครทราบคำตอบ คือ เมื่อไรสงครามนี้จะยุติ เช่นเดียวกับราคาหุ้นกลุ่มค้าอาวุธจะตอบสนองอีกยาวนานแค่ไหน และจะสามารถกอบโกยผลกำไรจากการขายอาวุธได้อย่างมหาศาลเพียงใด